เมื่อเวลา11.00น.วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี ,พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี, นายอนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางานจังหวัดอุดรธานี, พ.ต.อ.พันธุ์เพ็ชร เหล่ากำเนิดเพชร ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี, พ.ต.อ.เรืองรัตน์ หงส์ทิพย์รัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.ปพ.,พ.ต.ท.ศิวกริช ดิษย์บุญรัตน์ สว.ส.ทล.3 กก.4 ,พ.ต.ท.อรรคพล ยี่เกาะ สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี แถลงข่าวจับนายไสว หรือกัณภัทร์ อาจสมัย อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 294 หมู่ 11 ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ 257 /2564 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564
โดยแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือจัดส่งฝึกงานต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวงและร่วมกันปลอมและใช้หรืออ้างเอกสารราชการปลอม ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยจับกุมได้ที่สบายดีโฮเทล ต.นาดี อ.เมือง จ.อุดรธานี ตรวจยึดบ้าน ที่ดิน รถยนต์เก๋ง รถปิกอัพ รถบรรทุก รวม 7 คัน รวมมูลค่า ควบคุมตัวพร้อมไปโรงพักทำการสอบสวน
นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า วันนี้มีผู้เสียหายที่โดนหลอกจากการอ้างว่าสามารถส่งไปทำงานที่ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ซึ่งมีผู้เสียหายมาร้องทุกทั้งหมด 28 ราย ในการสืบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พบพฤติการณ์ในการหลอกลวงใช้สื่อออนไลน์ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562-2564 แล้วก็นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหารวมมูลค่าเสียหายมากกว่า 2 ล้านบาท และผู้ต้องยังกระทำความผิดอีกหลายข้อกฎหมายทั้งการหลอกลวง และการปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ ซึ่งก็ต้องขอบคุณผู้เสียหายที่พบเห็นความผิดปกติของทางเพจจึงได้เข้ามาร้องเรียนที่จัดหางานจังหวัด และแจ้งตำรวจ จนจับกุมผู้ต้องหา
นายอนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางานจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า มีประชาชนมาแจ้งว่า โดนนายกัณภัทร์ หรือนายไสว อาจสมัย ได้ชักชวนว่าสามารถจัดส่งไปทำงานที่ประเทศออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ในตำแหน่งคนงานเกษตร จะได้ค่าจ้างเดือนละ 8 หมื่นบาท โดยจะเสียค่าบริการและค่าใช้จ่าย 3-9 หมื่นบาท มีผู้เสียหายหลงเชื่อรวม 28 คน หลังได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่จัดหางานได้ตรวจสอบประวัตินายกัณภัทร์ พบว่าไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางาน หรือเป็นตัวแทนหรือลูกจ้างบริษัทจัดหางานไปต่างประเทศ จึงได้รวบรวมพยานและหลักฐาน มอบหมายให้นิติกรร้องทุกข์กล่าวโทษ แจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี ข้อหา หลอกลวงผู้อื่นว่า สามารถจัดหางาน ส่งไปฝึกงานที่ต่างประเทศได้โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000-300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี กล่าวว่า จ.อุดรธานี เป็นจังหวัดที่มีการส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศเป็นรายได้หลักของจังหวัดอุดรธานี ได้มีมิจฉาชีพเป็นคนจังหวัดอุดรธานี เปิดโชเซียลมีเดียล ตั้งเพจเฟซบุ๊ก ในปี 2562 โดยมีการปลอมเอกสารทางราชการ ทั้ง 3 ส่วน ทั้งบัตรประชาชน ใบอนุญาตประกอบธุรกิจท่องเที่ยว และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อให้ประชาชนเชื่อ ในช่วงปี 62-64 มีสถานการณ์โควิด มีการผัดผ่อนเรื่อยมา จนกระทั่งประชาชนรู้สึกว่าช้าเนิ่นนาน จึงได้ร้องเรียนกับจัดหางานจังหวัดอุดรธานี ตำรวจจึงให้กองกำกับการสืบสวนจังหวัดอุดรธานี ร่วมกับจัดหางาน สืบสวนหาข้อเท็จจริง พบว่าผู้เสียหาย 28 ราย มีความเสียหายเกิดขึ้นจากการหลอกลวงจากนายกัณภัทร์ หรือนายไสว อาจสมัย จึงได้ออกหมายจับและจับกุม
นอกจากนี้ยังมีการทำผิดเช่นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ การฉ้อโกงประชาชน การหลอกลวงจัดหางาน รวมถึงการปลอมและใช้เอกสารปลอม ทั้งหมดนี้เป็นของราชการ จึงนำไปสู่ขบวนการยึดทรัพย์ 8.2 ล้านบาท เพื่อเข้าสู่ พรบ.ฟอกเงิน โดยมีนายวัชระ หรือณัฐวัฒน์ ไลรัตน์พล อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 หมู่ 5 ต. ห้วยสามพาด อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทจีพีไทยแลนด์ กรุ๊ป ร่วมฉ้อโกงและหลอกลวงด้วย แต่ได้หลบหนี อยู่ในระหว่างติดตามจับกุม”
โดยผู้เสียหายหลังทราบว่า ตำรวจได้ทำการจับกุมตัว นายไสว หรือกัณภัทร์ อาจสมัย ได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมและเข้ารับฟังในการแถลงข่าว พร้อมกับมอบช่อดอกไม้ขอบคุณให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดอุดร ฯ และผู้การอุดร ฯ ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาถึง2ปี สำหรับพวกตนแล้วนั้นมันเป็นเวลาที่ไม่นาน ทุกคนต่างก็มีความหวังงว่า จะได้เงินคืน
น.ส.สุปราณี ดาษดา อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 8 บ้านดอนดู่ ต.บ้านจาน อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2562 ได้รู้จักบริษัทจัดหางานจีพีไทยแลนด์ทางเฟซบุ๊ก เมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ 2563 ตนกับสามีมาสมัครงานไปทำงานประเทศออสเตรเลีย ที่บริษัทจีพี ไทยแลนด์ กรุ๊ป เลขที่ 164/4 ใกล้ตลาดรังษิณา ถนนอุดรดุษฎี เขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยมีนายไสว หรือกัณภัทร์ เป็นเจ้าของ อ้างว่าสามารถส่งไปทำงานเกษตรที่ประเทศออสเตรเลียได้ และจะต้องเสียค่าดำเนินการ 90,000 บาท รวมเป็นเงิน 1.8 แสนบาท โดยตนนำที่นาไปจำนองกับนายทุน 2 แสนบาท นำเงินไปให้บริษัท หลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้ และไม่ได้เดินทางไปทำงาน จึงไปแจ้งจัดหางานจังหวัดอุดรธานี และแจ้งตำรวจจับ
ส่วน นางคำแป้ง คำหล้า อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/1 หมู่ 8 บ้านโคกลาด ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.อุดรธานี ผู้เสียหายเล่าทั้งนำตาว่า เมื่อปี 2563 นายไสว มาที่หมู่บ้านชักชวน น.ส.คำแพง คำหล้า อายุ 36 ปี ลูกสาวไปทำงานเกษตรที่ประเทศเกาหลีใต้ ได้เงินเดือน 5 หมื่นบาท โดยเสียค่าดำเนินการ 1.2 แสนบาท ตนอยากให้ลูกไปทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ตนจึงนำที่นา 6 ไร่ ไปจำนองกับนายทุน 2 แสนบาท นำจ่ายให้นายไสว กระทั่งปี 2564 นายไสวแจ้งว่าจะได้เดินทางไปทำงานแล้ว จึงไปซื้อเสื้อผ้าเครื่องใช้เตรียมเดินทาง แล้วไปส่งลูกสาวที่บริษัทนายไสว แต่ปรากฏว่าไม่ได้เดินทาง นายไสวอ้างว่าสนามบินเกาหลีปิดเพราะโควิดระบาด ต้องกลับบ้านมาทำงานก่อสร้าง เพื่อรอเดินทางใหม่ ครบ 1 ปี ไม่มีเงินไปไถ่ถอนที่นา ทำให้ถูกนายทุนยึดที่นาซึ่งเป็นมรดกไปเรียบร้อย พอไปสอบถามนายไสวที่บริษัท ปรากฏว่าบริษัทปิด จึงรู้ว่าถูกหลอก จึงไปแจ้งจัดหางานและตำรวจ
#อีสานเดลี่ออนไลน์