จ.เลย สำนักพุทธฯฟ้องขอคืนที่ดินพระธาตุศรีสองรัก อายุกว่า 400 ปี ยันเคยเป็นวัดมาก่อนคืน ผู้ศรัทธา ค้านทั่วประเทศ


เมื่อเวลา 09.00 น. เมื่อวันที่ 5 พ.ย.64 ที่ศาลจังหวัดเลย นายอุดร แสวงผล กรรมการมูลนิธิพระธาตุศรีสองรัก นำดร.ถาวร เชื้อบุญมี เจ้าพ่อกวน และนางประกายมาศ เชื้อบุญมี เจ้าแม่นางเทียม 2 ผู้นำทางจิตวิญญาณของอำเภอด่านซ้าย และคณะพ่อแสน เดินทางมาในฐานะพยานให้แก่เทศบาลตำบลด่านซ้าย ฐานะผู้ร้องสอด โดยมีพยานอีกหลายนาย เช่น นายสันติภาพ เชื้อบุญมี อดีตนายกเทศบาลตำบลด่านซ้าย นายประสงค์ จันทะศร นายกเทศมนตรีปัจจุบัน นายสมบูรณ์ ช้างภู่ อดีตศึกษาธิการ อำเภอด่านผซ้าย และ นิติกรเทศบาลตำบลด่านซ้าย ร่วมเป็นพยานร้องสอด ในคดีหมายเลขดำที่ 102/2564 โดยนายกิตติพันธ์ ปฐมชัยเกียรติ ไวยาวัจกร ผู้รับมอบอำนาจ โดยพระสิริรัตนเมธี เจ้าอาวาสวัดโพนชัย ในนามรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีสองรักเป็นผู้มอบอำนาจ โดยมีอัยการจังหวัดเลยร่วมเป็นทนายให้พระธาตุศรีสองรัก
โดยเมื่อวันที่ 4 ก.พ.64 ทนายฝ่ายโจทก์ ฟ้องร้องกรมที่ดินเป็นจำเลยที่ 1 อธิบดีกรมที่ดินเป็นจำเลยที่ 2 และสำนักงานที่ดินจังหวัดเลย สาขาอำเภอด่านซ้าย เป็นจำเลยที่ 3 ขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เนื้อที่ 106 ไร่ 3 งาน 91 ตารางวา ที่ออกให้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ร่วมกัน โดยอยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย ออกทับที่ดินของวัดพระธาตุศรีสองรัก
โดยในคำฟ้องระบุว่า ตามหนังสือรับรองสถานภาพวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ บันทึกไว้ว่าบริเวณพระธาตุศรีสองรักมีฐานะเป็นวัดมาตั้งแต่ พ.ศ.2103 ชาวบ้านเรียกว่า “วัดธาตุ” และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.2109 มีพระอุโบสถ มีศาลาการเปรียญ มีหอระฆัง และพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ 5 รูป เป็นวัดที่ได้รับการจัดตั้งถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ โดยมีเนื้อที่ทั้งหมด 108 ไร่ 3 งาน 11 ตารางวา ซึ่งจำเลยทั้งสามทราบอยู่แล้วว่า ที่ดินบริเวณนี้เป็นวัด แต่ยังเพิกเฉย ไม่เพิกถอนหนังสือ นสล.ออก ทำให้โจทก์ไม่สามารถเข้าไปบำรุง ดูแลรักษา ปฏิสังขรณ์เสนาสนะให้มั่งคงและอยู่ในสภาพพร้อมให้พระสงฆ์จำพรรษาได้
นายอุดร แสงผล กรรมการมูลนิธิพระธาตุศรีสองรักเปิดเผยว่า จากหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานบุคคล เอกสาร และการปฎิบัติพิธีรกรรมประเพณีวัฒนธรรมของอำเภอด่านซ้ายสืบมากว่า 430 ปี ไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอกเลยว่าพระธาตุศรีสองรักเป็นวัดมาก่อน ทางเทศบาลตำบลด่านซ้ายจึงเข้าร้องสอด เป็นจำเลยร่วม เจ้าพ่อกวน เจ้าแม่นางเทียมและคณะก็ได้เดินทางมาเป็นพยานร่วมด้วย ซึ่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 43 ที่ระบุว่า ชุมชนมีสิทธิในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีของท้องถิ่น และของชาติ ซึ่งพระธาตุศรีสองรักที่สร้างขึ้นมานั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเขตแดนระหว่างกรุงศรีอุธยากับกรุงศรีสัตนาคนหุต อยู่กึ่งกลางระหว่างแม่น้ำน่านกับแม่น้ำโขง เป็นเจดีย์สัญลักษณ์ความสัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองอาณาจักรว่าจะไม่รบราฆ่าฟันกัน จะมีแต่ความรักใคร่กลมเกลียว ไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอกว่าเป็นวัด มีการดูแลรักษา มีประเพณีวัฒนธรรม พิธีกรรมตามความเชื่อ โดยมีเจ้าพ่อกวน เจ้าแม่นางเทียม คณะพ่อแสน นางแต่ง คอยดูแลสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน แต่จะไม่ขอก้าวล่วงการพิจารณาของศาล โดยมีหลักฐานทั้งฝ่ายไทยและลาว ปรากฏในศิลาจารึก
ดำรงค์ รักษ์จรรยาวงศ์/ จ.เลย

ในประเทศ

Related posts

404 Not Found
404
Sorry, the page you visited does not exist.
It may be that the access link is wrong or the file does not exist.