ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในลานบุญลานธรรมวิหารหลวงพ่อใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ วัดศิริชัยเจริญ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อวันเสาร์ที่ 25 กันยายน 2564 พระครูโกวิทสุตาภรณ์ (พระมหาสมดี) เจ้าอาวาสวัดศิริชัยเจริญ พร้อมพุทธศาสนิกชนร่วมกันประกอบพิธีบวงสรวงสักการะหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปางชนะมารประดิษฐานภายในพระวิหารหลวงพ่อใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองชาวอำเภอโนนสัง อายุ 115 ปี โดยมีพระครูวิมลธรรมากร เจ้าคณะอำเภอโนนสัง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระเถรานุเถระร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และ นายสมศักดิ์ แสนอินทร์ นายอำเภอโนนสัง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในขณะที่ผู้นำในการประกอบพิธีในครั้งนี้ พระฤาษีเกศแก้ว สำนักปฏิบัติธรรมอาศรมบ้านโคกกุง อำเภอเมืองหนองบัวลำภู เป็นผู้นำพิธีในการบวงสรวงสักการะหลวงพ่อใหญ่ พร้อมด้วยนางศรัณยา สุวรรณพรหม ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดหนองบัวลำภู นางพรรณี จันทะศรี นายกเทศมนตรีตำบลโนนสัง และพุทธศาสนิกชนใกล้ไกลร่วมพิธี
พระครูโกวิทสุตาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดศิริชัยเจริญ กล่าวว่าในการประกอบพิธีบวงสรวงสักการะหลวงพ่อใหญ่ และพิธีขอขมา ในวันนี้ สืบเนื่องจากในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาทุกปี จะมีพุทธศาสนิกชนที่เคารพนับถือหลวงพ่อใหญ่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจะมารวมกันประกอบพิธีบวงสรวง และสักการะหลวงพ่อใหญ่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปบางชนะมาร พระคู่บ้านเมืองของอำเภอโนนสัง
มาตั้งแต่เดิมมีขนาดหน้าตักกว้าง 52 นิ้ว สูง 83 นิ้ว ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงพ่อใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ วัดศิริชัยเจริญ (วัดใหญ่) ตำบลโนนสัง อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2449 หากเมื่อนับถึงวันนี้มีอายุ 115 ปีเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับลูกหลานชาวอำเภอโนนสัง และเชื่อกันมาว่าก่อนจะประกอบกิจการงานใดให้ไปขอพรความสำเร็จจะตามมา ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนที่ทราบข่าวไปกราบไหว้ขอพรและสมปรารถนา เพราะมีความเชื่อต่อๆกันจนถึงทุกวันนี้
สำหรับบรรยากาศก่อนประกอบพิธีฝนได้ตกลงมาอย่างแรง แต่เมื่อถึงเวลาฤกษ์ เม็ดฝนกับโปรยปรายมาอย่างซุ่มฉ่ำเสมือนเกิดปาฏิหาริย์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ อันเนื่องมาจากบารมีของหลวงพ่อใหญ่ และบารมีธรรมของพระฤาษีเกศแก้ว เป็นผู้นำในการประกอบพิธีบวงสรวงพานบายศรีสูงร่วม 5 เมตร หลังจากนั้นเป็นการรำบวงสรวง ก่อนที่จะขึ้นไปประกอบพิธีในวิหารหลวงพ่อใหญ่ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ พิธีขอขมา จนทำให้พิธีเสร็จสิ้นไปด้วยดี และจากคำบอกเล่าของลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดกล่าวว่าพระฤาษีเกศแก้ว”เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในระยะนี้ เนื่องจากท่านได้เมตตาช่วยเหลือเหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายจนเป็นที่รู้จัก เหตุที่ให้เรียกว่า “พระฤาษี” นั้นก่อนนั้นเคยบวชเป็น “พระ” มาก่อน
ในวันที่บวชนั้นได้ปลงเส้นผมตามปกติ เฉกเช่นการบรรพชาทั่วไป แต่เมื่อตกกลางคืนเมื่อท่านหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาเส้นผมกลับงอกยาวกลับมาเช่นเดิม แต่คราวนี้กลับยาวเกือบจรดพื้น ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาท่านจึงทราบด้วยญาณว่าตัวท่านนั้นจักต้องบำเพ็ญเพียรในสายแห่งพระโพธิสัตว์ เพื่อคอยช่วยเหลือเหล่าสัตว์โลก ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ครูบาอาจารย์จึงให้เรียกท่านว่า “พระฤาษี” เนื่องจากท่านเคยปลงผมบวชพระมาก่อน ปัจจุบันมีลูกศิษย์ทั่วประเทศมากมายท่านมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์โลก จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของลูกศิษย์ ในทุกวงการมาจวบจนทุกวันนี้
สุภัชรกานต์ แก้วสิงห์/ปรานี ผาดำ ขตว.จังหวัดหนองบัวลำภู