หมอปลามาตามนัด งานงอกหลังทราบปัญหาชาวบ้านเครียดทั้งหมู่บ้านที่ถูกนายทุนเงินกู้ยึดทั้งบ้านทั้งที่ดินรวมทั้งยายสี มั่นใจยายสีมีอาการเครียด วิตกกังวล และป่วย แนะลูกหลานอย่าตกใจ คืบหน้ากรณีที่ยายสี ตันวุฒิ ยายชราวัย80ปี ชาวบ้านนายางกลัก ตำบลนายางกลัก อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ ที่ชาวบ้านและลูกหลาน เชื่อว่ามีผีปอบเข้าสิงร่าง จนเกิดความหวาดกลัว และร้องขอให้หมอปลาเดินทางมาช่วยหาวิธีการไล่ผีปอบผ่านสื่อ
ล่าสุดเย็นวันนี้ หมอปลา เดินทางมาจากกรุงเทพมหานครพร้อมทีมงาน เดินทางมายังบ้านพักของยายสี ตันวุฒิ โดยมีชาวบ้านมารอต้อนรับจำนวนมาก หลังหมอปลาเดินทางมาถึงได้รีบเดินสำรวจ พื้นที่รอบบ้านพัก อย่างละเอียด ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม โดยใช้เวลาในการเดินสำรวจประมาณ20นาที จากนั้นได้ไปพูดคุยกับนางอำนวย ตันวุฒ และกับทีมงาน ด้วยท่าทางวิตกกังวล พร้อมกับให้สัมภาษณ์ผู้สื่อ โดยหมอปลา ออกมายอมรับว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับยายสี ไม่ใช่พึ่งเกิดเป็นเคสแรก แต่เคยเกิดขึ้น มาแล้วหลายพื้นที่ ตนได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบความผิดปกติทางความเชื่อด้านวิญญาณใดๆหรืออะไรที่จะสื่อได้ว่ายายเป็นปอบ เชื่อว่าน่าจะเกิดจากภาวะความเครียด ทั้งเรื่องหนี้สินที่ยามกู้ยืมเงินนอกระบบมา จนถูกยึดบ้านพร้อมที่ดิน อีกทั้งสุขภาพที่มีโรครุมเล้า ทั้งความดันและคลอเรตเตอรอลสูง ประกอบกับ อยู่ในวัยชรา ซึ่งโดยทั่วไปของคนสูงอายุ ก็จะมีลักษณะความเปลี่ยนแปลงของเชลต่างๆของร่างกาย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการลักษณะแปลกๆ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ชาวบ้านหลายรายในหมู่บ้าน ต่างก็อยู่ในภาวะเครียดเหมือนยายสี เนื่องจาก ตกเป็นลูกหนี้ของนายทุนเงินกู้นอกระบบจากเงินต้น 75,000ไม่ได้ตัดดอกเพียง3เดือนถูกคิดดอกเบี้ยรวมต้นเป็น150,000บาท จนต้องถูกยึดบ้านที่ดินไป ซึ่งบางรายได้เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมแล้ว แต่เรื่องยังไม่คืบหน้า จึงฝากหมอปลาช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยหาทางช่วยเหลือต่อไป ด้านพระมหาไพรวรรณ. ยอมรับว่าก่อนเดินทางมาถึงหลังจากดูข่าว อาตมามีความตั้งใจจะมาสอนลูกสาวที่กระทำกับบุพการีแบบนี้ แต่พอได้เห็นกับตา อาตมาความคิดเปลี่ยนทันที เมื่อสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ด้วยเหตุผลนี้อาตมาจึงเชื่อว่า การที่ลูกสาวตัดสินใจพึ่งพระเพราะติดขัดปัญหาค่าใช้จ่าย พบพระไม่ต้องเสียตังค์ แต่พบหมอต้องมีตังค์ อาตมาจึงได้ให้คำแนะนำและกำลังใจในการอยู่อย่างมีสติและมีความสุข ด้านนางอำนวย ตันวุฒิ ยอมรับว่ากลัวเป็นข่าวเพราะถูกกดดันอย่างหนัก จากญาติๆ ที่ต่อว่าตนว่าให้ข่าวใส่ร้ายแม่ว่าเป็นปอบ ทั้งที่ตนดูแลแม่มาเป็นอย่างดี ซึ่งหาทางช่วยทุกวิถีทางที่จะให้แม่ปลอดภัย จึงทำทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งด้านไสย และพาแม่ไปพบแพทย์ ซึ่งวันนี้หมอแจ้งว่าแม่เป็นโรคสมองเสื่อม และขอให้ทำใจยอมรับความจริงว่าโรคนี้รักษาไม่หายและจะอยู่ติดตัวไปตลอดชีวิต
วิรัตน์ ดวงแก้ว จ.ชัยภูมิ รายงาน