เมื่อเวลา11.30น.วันที่ 30 มีนาคม 64 ร.ต.ท.อดิศักดิ์ สอนบัว รองสารวัตรสอบสวน สภ.บ้านผือ จ.อุดรธานีพร้อมตำรวจชุดสืบสวน ได้ทำการจับกุมตัว นายพรชัย คันธี อายุ 29 ปี 87 ม.7 ต.ข้าวสาร อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ผู้ต้องหา ในข้อหาลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ พร้อมของกลางรถจยย. เสื้อผ้าชุดใช้ก่อเหตุ และกระเป๋าสตางค์แบบซิบ,บัตรประชาชน, บัตรข้าราชการ และบัตรเอทีเอ็ม ของผู้เสียหาย โดยนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา1730น.วันที่ 29 มี.ค.64 ร.ต.ท.อดิศักดิ์ สอนบัว รองสารวัตรสอบสวน สภ.บ้านผือ ได้รับแจ้งจาก นางกองแก้ว สีแก้ว อายุ 59 ปี 110 ม.6 ต.ข้าวสาร อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ว่าขณะที่ตนไปซื้อกับข้าวที่ร้านค้าภายในหมู่บ้าน และ คนร้ายก็มาซื้อของในร้านเดียวกัน หลังจากที่ตนซื้อกับข้าวเสร็จ ก็ขี่รถจยย.เพื่อจะกลับบ้าน เมื่อมาถึง ทางแยก คนร้ายขี่รถจยย.ฮอนด้าเวฟสีแดง ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตามมาประกบที่ข้างรถจยย.ของตน แล้วเอื้อมือมาหยิบกระเป๋าสตางค์ที่เอาไว้หน้าตะกร้ารถจยย. ซึ่งข้างใน มีเงินสด 5,660 บาท ,บัตรประตัวประชาชน, บัตรข้าราชการและบัตรเอทีเอ็ม แล้วคนร้ายขี่รถหลบหนีไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ข้อมูลตำหนิรูปพรรของคนร้าย ซึ่งนางกองแก้ว จำได้เพราะคนร้ายเคยเป็นลูกศิษย์เก่าที่ตนเคยสอน เจ้าหน้าที่จึงออกติดตามเข้าจับกุมตัวคนร้าย ได้ ที่บ้านพักคือ นายพรชัย คันธี จึงได้นำตัวมาสอบสวนที่ สภ.บ้านผือ จากการสอบสวน เบื้องต้นสาเหตุตนที่ทำไปเพียงต้องการเงินไปเป็นค่ารักษาลูกวัย8ขวบ ที่ป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหนองบัวลำภู
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวนายพรชัย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพจุดแรกบริเวณร้านค้าภายในหมู่บ้านเม็ก ต.ข้าวสาร เป็นจุดที่นางกองแก้ว ผู้เสียหาย ที่เข้ามาซื้อกับของ และนายพรชัย เห็นผู้เสียหาย ครูที่เคยสอนตนตั้งแต่ประถมศึกษา จึงสำนักผิด ในสิ่งที่ตนเองทำลงไป จึงได้ก้มลงกราบขอขมา ซึ่งนางกองแก้ว ได้สอบถามถึงสาเหตุที่ทำลงไป โดยนายพรชัยบอกว่า ตนมีความจำเป็นต้องใช้เงินเป็นค่ารักษาลูกวัย8เดือนที่ป่วยรักษาตัวที่รพ.หนองบัวลำภู หลังจากที่ก่อเหตุก็ได้โอนเงินไปให้ภรรยาไปเป็นค่าใช้จ่ายให้ลูกที่โรงพยาบาล ซึ่งนางกองแก้ว ฯ ก็ได้สั่งสอน นายพร ให้รู้จักผิดชอบชั่วดี ส่วนเงินที่เอาไปนั้นยกให้ไม่ต้องเอามาคืน แต่ต้องยอมรับโทษตามกฏหมายที่ตัวเองกระทำลงไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวนายพรชัยไปชี้จุดที่2 บริเวณทางแยก ห่างจากร้านค้าประมาณ 100 เมตร ซึ่งนายพรชัยขี่ได้รถจยย.มาประกบผู้เสียหายก่อน ที่จะหยิบกระเป๋าที่อยู่ตะกร้าหน้ารถแล้วหลบหนีไป แล้วไปจุดที่3 ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นกระท่อมนาของญาติ คือจุดที่นายพรชัยนำกระเป๋าสตางค์มาฝังไว้ข้างก่อไผ่ แล้วนำชุดที่ใส่ก่อเหตุไปซ่อน แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่อยู่ในกระท่อมนา แล้ว ขี่รถจยย.ไปโอนให้ภรรยา
นายพรชัย ฯ ให้การรับยสารภาพว่า ตนทำงานอาชีพรับจ้างอยู่กรุงเทพ ส่วนภรรยาอยู่จ.หนองบัวลำภู ตนลาออกจากงานกลับมาอยู่บ้านได้15วัน ตนก็คิดว่าจะมาหางานทำ ใกล้บ้านจะได้มีเวลาไปดูแลลูก โดยตนที่ตัดสินใจก่อเหตุเพราะความจำเป็น ต้องการหาเงินค่าใช้จ่ายไปรักษาลูกที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล
นางกองแก้ว บอกว่า ตนเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนบ้านเม็ก มานานหลายปี ในช่วงวันเกิดเหตุตนได้ไปซื้อกับข้าวที่ร้านค้าในหมู่บ้าน ก็เห็นนายพรชัยอยู่ภายในร้าน ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะจำได้ว่าเป็นศิษย์ เคยสอนเขาตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่3และประถมศึกษาปีที่6 เมื่อตนซื้อของเสร็จก็ขี่รถจยย.กลับบ้าน พอมาถึงทางแยกเป็นทางเปลี่ยว นายพรชับขี่รถจยย.ตามมาประกบด้านข้าง ก่อนที่จะเอื้อมมือมาหยิบกระเป๋าสตางค์ที่อยู่ในตะกร้าหน้ารถไป ด้วยตนตกใจมากทำอะไรไม่ถูก ซึ่งก็ไม่คิดว่าลูกศิษย์จะมาทำแบบนี้
ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้คนร้ายก่อเหตุเป็นลูกศิษย์เก่าที่ตนเคยสอนมาทำแบบนี้ก็รู้สึกเสียใจ คิดว่าเราสอนเขามาดีให้เป็นคนดี แล้วมาทำแบบนี้ก็รู้สึกเสียใจมาก แล้วไม่คิดว่าเขาจะมาทำครูที่เคยสอนเขา ตนก็อยากฝากเตือนว่าขนาดรู้จักกัน อยู่หมู่บ้านเดียวกัน ยังไว้ใจกันไม่ได้ ฉะนั้นต้องระมัดระวังอย่าไว้ใจใครง่ายๆ ถึงแม้จะเห็นหน้ากันทุกวันก็ไม่ควรจะไว้ใจใคร