บรรยากาศการรับบริจาคโลหิตโดยกิ่งกาชาดอำเภอชุมแพ ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น ออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ออกรับบริจาคโลหิต อวัยวะและดวงตา ที่หอประชุมเทศบาลเมืองชุมแพ
วันนี้(18 ก.พ.64) ที่ หอประชุมเทศบาลเมืองชุมแพ จ.ขอนแก่น นางสุภาวดี ศรีสุขวัฒน์ นายอำเภอชุมแพ ในฐานะนายกกิ่งกาชาดอำเภอชุมแพ พร้อมด้วยคณะกรรมการ สมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอชุมแพ เทศบาลเมืองชุมแพหน่วยงานราชการ ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในพื้นที่อำเภอชุมแพ ร่วมกับ เหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น คลังเลือดกลาง คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ออกหน่วยบริการเคลื่อนที่รับบริจาคโลหิต อวัยวะและดวงตา จากหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อจัดหาโลหิตให้เพียงพอแก่ผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่างๆ ในการรับบริจาคโลหิตในครั้งนี้ พ.ต.อ.รัตนสุข คำวงศ์ ผกก.สภ.ชุมแพ ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมแพ ร่วมบริจาคโลหิตในครั้งนี้ด้วย พร้อมนี้ยังมีบุคคลากรจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ประชาชนทั่วไป ได้ร่วมกุศล ทำบุญด้วยการบริจาคโลหิต จำนวน 103 ราย ได้โลหิตทั้งสิ้น 41,200 ซีซี และมีผู้ประสงค์บริจาคโลหิตที่ไม่ผ่านเกณฑ์จำนวน 47 ราย มีผู้บริจาคโลหิตรายใหม่จำนวน 11 ราย
นางสุภาวดี ศรีสุขวัฒน์ นายอำเภอชุมแพ กล่าวว่า ขอบคุณเทศบาลเมืองชุมแพ ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในครั้งนี้ การออกรับบริจาคครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่รอรับการรักษาพยาบาล ซึ่งต้องใช้โลหิตเป็นจำนวนมากตามโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งกำหนดการรับบริจาคโลหิต 3 เดือน/ครั้ง จึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปร่วมทำบุญด้วยการบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในครั้งต่อไป สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานอำเภอชุมแพ โทร.043-311300
ทั้งนี้ คลังเลือดกลาง คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้คำแนะนำสำหรับ ผู้ประสงค์บริจาคโลหิตในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยระบุว่า ผู้ประสงค์บริจาคโลหิต แต่ได้ผ่านการสัมผัสเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือมาจากต่างประเทศ ขอให้งดการบริจาค 28 วัน นับจากวันที่สัมผัสโรค ผู้ติดเชื้อ แต่หายจากโรคแล้ว ต้องงดบริจาค 180 วันนับจากวันที่หายป่วย ผู้ประสงค์บริจาคพลาสมาให้กับผู้ป่วย ต้องได้รับการตรวจยืนยันว่าไม่มีเชื้อในกระแสเลือด
จึงขอเชิญชวนคนไทย องค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรง ร่วมสร้างกุศลทำความดีช่วยต่อชีวิตให้กับเพื่อนมนุษย์ ร่วมบริจาคโลหิตทุกๆ 3 เดือน ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ป่วยมีปริมาณโลหิตที่เพียงพอ และช่วยลดปัญหาการจัดหาโลหิตที่ไม่สม่ำเสมอต่อไป