วันที่ 14 พฤศจิกายน 2563 ที่บริเวณศาลาประชาคมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน นักศึกษา และประชาชนจังหวัดนครพนมร่วมกันประกอบพิธีถวายราชสักการะวางพานพุ่มดอกไม้สด พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ประจำปี 2563 เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงตรากตรำพระวรกายในการทรงงานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต บำบัดทุกข์ บำรุงสุขของราษฎรผู้ยากไร้ ด้อยโอกาสทั่วทุกภาคของประเทศให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น
โดยเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันพระบิดาแห่งฝนหลวง เพื่อให้ประชาชนคนไทยและมวลมนุษยชาติ ได้น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฐานะองค์พระบิดาแห่งฝนหลวง เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 เป็นวันที่พระองค์ท่านและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ทุรกันดารภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของพสกนิกรจากปัญหาการขาดแคลนน้ำ และทรงทอดพระเนตรเห็นเมฆบนฟ้าลอยผ่าน ณ เวลานั้น พระองค์จึงทรงตั้งพระราชหฤทัย ที่จะแปรเมฆเหล่านั้นให้เป็นเม็ดฝนเพื่อมาแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำให้กับราษฎร โดยพระองค์ท่านทรงมุ่งมั่นทุ่มเทพระสติปัญญา พระวรกาย และสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ทำการศึกษาวิจัย พัฒนาจนประสบความสำเร็จเป็นเทคโนโลยีการทำฝนเทียมที่มีประสิทธิภาพ ก่อกำเนิดเป็นโครงการพระราชดำริฝนหลวงขึ้นมาตราบจนทุกวันนี้ โดยโครงการพระราชดำริฝนหลวงได้สร้างคุณูปการ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำให้แก่ประเทศไทย ที่สำคัญเทคโนโลยีฝนหลวงยังเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก ได้รับการจดสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธยทั้งในประเทศและต่างประเทศ และหลายๆ ประเทศก็ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เพื่อนำเทคนิคและวิธีการที่ทรงคิดค้นขึ้นมาไปปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาความแห้งแล้งในประเทศของตัวเอง และในวันนี้ 14 พฤศจิกายน 2563 เป็นวันครบรอบ 65 ปีแห่งการกำเนิดฝนหลวงพระราชทาน