ส.ส.ดร.บุญลือ ประเสริฐโสภา ประธานคณะกรรมาธิการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมาธิการ ครั้งที่ 24 วันพุธที่ 26 สิงหาคม 2563 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ (สผ.) 402 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา
ที่ประชุมได้พิจารณาศึกษาแนวทางในการ “ขยายเวลามาตรการลดหย่อนภาษีด้านการกีฬา” เนื่องจากพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 696) พ.ศ. 2563 ซึ่งรองรับการบริจาคเพื่อการกีฬา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 จะสิ้นสุดเวลา
ในการยื่นชำระภาษีในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 นี้
โดยเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมชี้แจง ได้แก่
นางพิมพ์อร ยิ้มประเสริฐ นักวิชาการภาษีชำนาญการพิเศษ กรมสรรพากร พร้อมทีมกฎหมายและวิชาการภาษี, นายธัชนาถ ทองประกอบ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ การกีฬาแห่งประเทศไทย, นายยุธยา จีนหีต ผู้อำนวยการกององค์กรและพัฒนากีฬาเป็นเลิศ, นายสุธน วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากรการพลศึกษาและการกีฬา กรมพลศึกษา, ผู้แทนสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย, นายวิชาญ พึ่งตน ผู้แทนสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดภูเก็ต, นางสาวรัฐวัลย์ เฮงคราวิทย์ ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดนนทบุรี ผู้แทนคณะกรรมการกีฬาจังหวัด
ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า มาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อการกีฬา ซึ่งเริ่มใช้มายาวนาน ตั้งแต่ปี 2548 และมีการต่ออายุ เป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ 3 ปีต่อครั้ง 2 ปีต่อครั้ง และมาถึงปีเว้นปี โดยพระราชกฤษฎีกาฉบับล่าสุดนี้ ใช้รองรับการลดหย่อนภาษีกีฬา ในปี 2562
อย่างไรก็ตาม ทางกรมสรรพากร ซึ่งเป็นผู้ออกกฎหมาย และหน่วยงานที่เข้าประชุมทั้ง 6 หน่วยงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีชื่อเป็นหน่วยรับการบริจาคที่อยู่ในพระราชกฤษฎีกา ต่างมีความเห็นสอดคล้องกันว่า มาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อการกีฬานี้ มีประโยชน์ต่อวงการกีฬาอย่างยิ่ง สมควรที่จะมีการขยายเวลาการลดหย่อนภาษีต่อไปอีก โดยอาจขยายเป็นช่วงเวลา 3 ปี 5 ปี หรือ กำหนดเป็นมาตรการถาวร เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อวงการกีฬาอย่างสูงสุด
โดยในปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ทางกรมสรรพากร ได้กำหนดวิธีการ ขอลดหย่อนภาษี ด้วยระบบ e-donation ซึ่งทุกหน่วยงาน สามารถเข้าไปลงทะเบียน เพื่อขอเลขรับ และมีชื่อหน่วยงานอยู่ในระบบ และขณะนี้ฝ่ายวิชาการภาษีได้เตรียมข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างรอการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาลดหย่อนภาษีฉบับใหม่เรียบร้อยแล้ว
โดยขอให้การกีฬาแห่งประเทศไทยได้เป็นหน่วยงานหลักในการรวบรวมความเห็นของ 6 หน่วยงานที่เป็นหน่วยรับการบริจาคตามพระราชกฤษฎีกา เสนอเรื่องไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
นอกจากนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา เรื่องการมีผู้เข้ามาใช้มาตรการนี้ในจำนวนน้อยมาก จึงขอให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือไปถึงทั้ง 6 หน่วยงานในทุกจังหวัด ได้แก่ การกีฬาแห่งประเทศไทยประจำจังหวัด, คณะกรรมการกีฬาจังหวัด, สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด, สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย, ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด รวมทั้งกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพื่อขอให้จัดการประชุมหรือสัมมนา โดยเชิญ บุคคลและองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัด มารับทราบข้อมูล หรือช่วยกันประชาสัมพันธ์ ให้เข้าใจถึงขั้นตอนในการขอลดหย่อนภาษีกีฬา ในระบบ e-donation และ เข้าใจถึงประโยชน์จากการบริจาคเพื่อการกีฬาอย่างกว้างขวางต่อไป
ทั้งนี้ ขอให้กรมสรรพากร ได้เร่งดำเนินการเสนอให้มีการออกพระราชกฤษฎีกาขยายเวลาลดหย่อนภาษีจากการบริจาคเพื่อการกีฬา เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตามขั้นตอน และขอให้รายงานผลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ต่อคณะกรรมาธิการในโอกาสแรกด้วย.