ขอนแก่น(ชมคลิป)อำเภอชุมแพ สถานบันเทิงกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังถูกปิดนานกว่า 3 เดือน

อำเภอชุมแพ สถานบันเทิงกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังถูกปิดนานกว่า 3 เดือน โดยผู้ประกอบการต่างปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข

เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 3 ก.ค.63 นางสุภาวดี ศรีสุขวัฒน์ นายอำเภอชุมแพ จ.ขอนแก่น ได้มอบหมายให้นายสมคิด ชำนิกุล นายวิรัตน์ชัย สละ ปลัดอำเภอชุมแพ นำกำลัง อส.ฝ่ายปกครอง ร่วมกับ พ.ต.ต.ยุทธนา ทาตะรัตน์ สวป.สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ชุดอัศวิน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานบันเทิง ร้านอาหารที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ในพื้นที่อำเภอชุมแพ อาทิ ร้านชงนิยม เดอะป๊อบ ตะวันแดงชุมแพ หลังจากที่ทางรัฐบาลประกาศคลายล็อกเฟส 5 ผับ-บาร์ สามารถเปิดให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการที่ทางรัฐออกไว้

จากการตรวจสอบพบว่ามีลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาใช้บริการ โดยเฉพาะร้านโซนโรงหนัง พบว่ามีวัยรุ่นเข้าใช้บริการจำนวนมาก ส่วนร้านขนาดใหญ่ยังคงมีลูกค้าไม่มากนัก บริเวณทางเข้าทุกร้านมีการตั้งจุดคัดกรอง ตรวจวัดไข้ มีบริการเจลแอลกอฮอล์ให้ล้างมือ มีจุดลงทะเบียนและคิวอาร์โค้ดแอปไทยชนะให้สแกน ก่อนเข้าใช้บริการอย่างเคร่งครัด มีการจัดโต๊ะเก้าอี้เว้นระยะห่างพอสมควร ไม่หนาแน่นจนเกินไป สำหรับมาตรการหลักที่ทางรัฐบาลกำหนดไว้คือบริการไม่เกิน 24.00 น.ทุกกรณี พนักงานสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา จุดบริการล้างมือเพียงพอ ทำความสะอาดสุขา พื้นผิวสัมผัสบ่อยๆ ระยะห่างโต๊ะ มากกว่า 2 เมตร หากทำไม่ได้ ต้องมีฉากกั้นสูง 1.5 เมตร มีระบบระบายอากาศ หมุนเวียนอากาศที่ดี มีพื้นที่เฉพาะในการสูบบุหรี่นอกอาคาร ลงทะเบียนเข้าออกด้วยแอพฯ ไทยชนะ มาตรการเสริมคือ คัดกรองอายุ อุณหภูมิ อาการทางเดินหายใจ อาจตรวจหาเชื้อโควิดกลุ่มพนักงานเป็นระยะๆ งดกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ ทั้งโปรโมชั่น ลดราคา ขายพ่วง โฆษณาโดยพนักงานเชียร์เบียร์ ไม่ยินยอมให้นำสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาบริโภค นั่งยืนเป็นกลุ่มไม่เกิน 5 คน หลีกเลี่ยงการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รูปแบบเหยือกถ้วย ภาชนะที่ใช้จับร่วมกัน ติดกล้องวงจรปิดครอบคลุมพื้นที่ร้าน เก็บไว้มากกว่า 1 เดือน

ด้านนายสมคิด ชำนิกุล ปลัดอำเภอชุมแพ เปิดเผยว่า หลังจากที่ ศบค. คลายล็อกดาวน์ เฟส 5 ให้สถานบันเทิง ผับ-บาร์ อาบอบนวด เปิดให้บริการได้ แต่ทางร้านก็ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 โดยเฉพาะเรื่องของการสวมหน้ากาก จัดจุดล้างมือ ทำความสะอาดบ่อยๆ การเว้นระยะห่าง และการไม่ให้แออัด โดยจำกัดจำนวนบุคคลภายในร้าน โดยพิจารณาว่าร้านสามารถรองรับคนได้เท่าไร และผู้เข้ารับบริการต้องไม่เกินตามจำนวนที่กำหนดไว้ และต้องลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะอีกด้วย

โดยทุกกิจการ กิจกรรมผู้ประกอบการต้องทำอย่างเข้มงวด หากพบว่าผิดให้กำหนดบทลงโทษ ดังนั้นผู้ประกอบการต้องมีความรับผิดชอบตรงนี้ด้วย สำหรับบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม พรก.ฉุกเฉิน จะมีความผิดจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ หรือมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 7 ปีหรือปรับไม่เกิน 140,000 หรือทั้งจําทั้งปรับ แล้วแต่กรณี