เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 25 พฤษภาคม ที่ศูนย์ประชุมมณฑาทิพย์ฮอล์ ถนนทองใหญ่ เขตเทศบาลนครอุดรธานี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล พร้อมคณะเดินทางมาเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ในการยื่นกล่าวหาตรวจสอบกรรมการ ปปช ที่ต้องสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่ โดยมีประชาชนมาร่วม ประมาณ 500 คน ก่อนที่บิ๊กโจ๊กจะขึ้นเวทีชี้แจงกับประชาชนให้รับทราบถึงเหตุผลในการออกมารณรงค์ครั้งนี้ ก็ได้มีชาวอุดรจำนวนมากได้นำผ้าขาวม้ามาผูกเอว และมอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจตามประเพณีชาวอีสาน
จากนั้น “บิ๊กโจ๊ก” ยังได้ยืนยันกับชาวบ้านว่าทุกโครงการที่ทำสำเร็จมาก่อนไม่ว่าจะเป็นหนี้นอกระบบ หรือ ดอกเบี้ยเงินกู้โหด หากมีโอกาสจะกลับมาเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องนี้อีกครั้ง นอกจากนี้จะพัฒนาโรงพักให้เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริงในทุกมิติ และประชาชนมีสิทธิ์ที่จะบอกเล่าเก้าสิบ หากพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐประพฤติมิชอบต่อหน้าที่หรือละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้“บิ๊กโจ๊ก” ยังให้คำมั่นกับชาวอีสาน ว่าตนต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และนำความเป็นธรรมกลับมาให้ได้ ทั้งเรื่องของตัวเองและเรื่องของชาวบ้าน และเหนือสิ่งอื่นใด อยากให้พี่น้องประชาชน ได้ใช้สิทธิของท่าน ในการตรวจสอบ องค์กรอิสระ ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐ ผ่านทางช่องทาง เว็บไซต์ www.hakparn.com หลังจากกล่าวกับมวลชนเสร็จสิ้นลง บรรดากลุ่มมวลชนที่มาให้กำลังใจในวันนี้ ต่างรุมกันขอถ่ายรูปและมอบดอกกุหลาบ ติดรูปหัวใจ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับบิ๊กโจ๊ก ขอให้ทำหน้าที่เพื่อประชาชนต่อไป
น.ส.สุดารัตน์ ภูผาณี อายุ 52 ปี ชาวเทศบาลตำบลหนองบัว อ.เมืองอุดรธานี เล่าว่า ปกติตนอาศัยอยู่ต่างประเทศ ได้ติดตามข่าวบิ๊กโจ๊กตลอด รู้สึกเห็นใจ ที่โดนรังแก วันนี้ได้กลับมาเมืองไทย จึงมาเป็นกำลังใจให้ท่านด้วยตัวเอง โดยมาร่วมลงชื่อตรวจสอบกรรมการ ปปช. และมาให้กำลังใจบิ๊กโจ๊ก เพราะท่านเคยช่วยเหลือเรื่องที่ดินที่มีคดีกับหมอลำดัง ซึ่งคดีสู้กันถึงที่สุดแล้ว ตนได้ที่ดินกลับคืนมา และรถยนต์หายท่านก็ตามให้จนได้รถคืนแล้ว ท่านทำงานช่วยเหลือประชาชนดีมากๆ อยากเป็นกำลังใจท่านตลอดไป และจะรักท่านตลอดไป
ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เปิดเผยว่า ช่วงเช้าลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น และบ่ายได้มาที่ จ.อุดรธานี ซึ่ง 9 วัน รวบรวมรายชื่อประมาณ 16,000 กว่าชื่อ จากการลงพื้นที่อีสาณในพื้นที่ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นเมืองหลัก ประชาชนรู้จักตนเป็นจำนวนมากจากการทำงานเพื่อประชาชนที่ผ่านมา วันนี้ตนก็มาจุดประกายให้กับพี่น้องภาคอีสาณให้เห็นว่า เขาคือพลังสำคัญสามารถแสดงพลัง เรื่องการตรวจสอบ ถอดถอน กรรมการองค์กรอิสระ กรรมการ ปปช.ที่มีพฤติการณ์อันควรต้องสงสัย กระทำทุจริตต่อหน้าที่ ร่ำรวยผิดปกติ ผ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง วันนี้คาดว่ายอดทั้งอุดรธานีและขอนแก่นน่าจะถึง 1000 เพราะดูจากประชาชนที่มา
“ความจริงแล้วพี่น้องประชาชนบอกกับตนว่าจะมามากกว่านี้ แต่ตนขอร้องว่าให้แต่ละหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ส่งผู้แทนมา เพราะว่าห้องประชุมของเรารองรับไม่พอ การลงทะเบียนมีระบบออนไลน์ ตั้งโต๊ะ เพราะฉะนั้นเขาก็ใช้ระบบออนไลน์ได้ อย่าลืมว่าคนในพื้นถิ่นอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ ถ้าพ่อแม่มาลงชื่อ ก็ต้องบวกไป 10 หรือ 20 เมื่อเขากลับไปก็จะไปบอกพ่อแม่พี่น้อง 2 จึงต้องบวกอีก 10 หรือ 2 ต้องบวก 20 วันนี้ขอให้พี่น้องประชาชน ที่เราได้ต่อสู้ร่วมกัน พัฒนาร่วมกัน ช่วยเหลือกัน เรื่องหนี้นอกระบบ การคืนโฉนดที่ดินต่างๆ ไปสู่มือประชาชน เรื่องคลอเซ็นเตอร์ ที่ผมลงมาทำหน้าที่อย่าเข้มแข็ง เคียงข้างกับพี่น้องประชาชน”
“บิ๊กโจ๊ก” กล่าวต่อไปอีกว่า วันนี้เรากำลังแสดงให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องสื่อมวลชน หรือญาติใครก็ตาม วันนี้ถ้าท่านถูกเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ นายอำเภอ หรือผู้ว่า คนที่จะตรวจสอบคือประชาชน แต่ตนช่วยแนะนำเริ่มต้นให้ ว่าช่องทางในการตรวจสอบ เราสามารถใช้ช่องทางตามกฎหมายรัฐธรรมนูญได้ ต่อไปก็จะมีคนแบบตน ในทุกจังหวัด ทุกอำเภอ วันนี้ตนเพียงแต่นำความประสงค์ของประชาชน มาทำให้เป็นรูปธรรม เพราะว่าประชาชนได้ยื่นความจำนงมาหาตนว่า อยากจะขอตรวจสอบ อยากจะขอถอดถอนกรรมการท่านนี้ ผมก็จะเป็นคนเริ่มต้นให้ วันนี้เป็นวันที่ 9 พรุ่งนี้เป็นวันที่ 10 คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ตอนนี้ขาดอยู่ประมาณ 3 พันกว่าคน ตนคิดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ก็น่าจะครบ 2 หมื่นชื่อ หรือเกินก็ไม่เป็นไร
“เมื่อรายชื่อครบแล้ว หรือเกินนิดหน่อย ผมก็จะรวบรวมยื่นต่อประธานรัฐสภา เพื่อประธานรัฐสภาจะได้ยื่นต่อประธานศาลฎีกา เพื่อจะตั้งคณะไต่สวนอิสระ นำไปสู่การพิพากษาถอดถอน เพราะฉะนั้นการทำหน้าที่ทุกอย่างในวันนี้ รวมทั้งผมเอง ต้องทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ อย่างตรงไปตรงมา เพื่อพี่น้องประชาชน ส่วนเรื่องลูกน้องลาออกจากตำรวจไปลงสมัคร สว.นั้น ได้มาปรึกษาตน รองผู้บัญชาการคนนี้ เป็นคนมีความรู้ จะเกษียณในตุลาคมนี้ แต่ยังมีไฟอยู่ ได้ไปสมัครเลือก สว.ในกรุงเทพฯ ถือว่าเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน ผมก็สนับสนุน ยินดีกับท่านด้วย อยากให้ท่านได้ใช้ความรู้ ความสามารถ พลังทั้งหมด เพราะคนเหล่านี้ไม่มีอะไร ไม่ได้ต้องการอะไร แค่ได้ทำงานให้พี่น้องประชาชน ลูกน้องผมก็มีอุดมการณ์เช่นเดียวกับผม ส่วนผมอยากรับราชการให้เกษียณก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที ถ้าอะไรก็ตามทำให้บ้านเมืองได้ ทำให้ประชาชนได้ ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ได้ ผมพร้อม วันนี้การทำหน้าที่ของตนอยู่ในภาคของราชการ วันนี้ดีใจที่ได้ผ้าขาวม้ามากขนาดนี้ เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า ประชาชนเชื่อมั่นเรา การทำงานอะไรก็ตาม ตัวชี้วัด จุดแตกหัก คือประชาชน ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายได้อย่างไร เมื่อประชาชนไม่ไว้วางใจ ความเชื่อมั่น ความศรัทธา มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อหาไม่ได้ อยู่ที่การทำหน้าที่