วันที่ 23 มกราคม 2567 ที่แม่น้ำโขง บริเวณบ้านปากมาง ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายรัฐศาสตร์ ชิดชู รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วย นายนวน โทบุตร นายอำเภอท่าบ่อ, ร.ท.วิเชียร หลักทอง บก.ควบคุมที่ 2 กกล.สุรศักดิ์มนตรี,จนท. EOD ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย, จนท.ตร.สภ.ท่าบ่อ, ฝ่ายปกครองอำเภอท่าบ่อ ตรวจสอบซากเครื่องบินซึ่งจมอยู่ในแม่น้ำโขงหลังจากชาวบ้าน บ้านปากมาง ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ ออกวางตาข่ายจับปลา พบเศษซากเครื่องบินรบจมอยู่ในแม่น้ำโขง
จุดที่พบซากเครื่องบินรบ มีระดับน้ำลึกประมาณ 1-1.20 เมตร คาดเป็นเครื่องบินรบ/ขับไล่ รุ่น t28 ใช้ในสมัยสงครามใน สปป.ลาว เนื่องจากจุดที่พบน้ำในแม่น้ำโขงตื้นและใส สามารถมองเห็นใบพัดเครื่องบินจมอยู่ในน้ำ ส่วนลำตัวเครื่องบินจมอยู่ในทรายแม่น้ำโขง เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย 191 ได้ปักไม้ไว้รอบบริเวณเพื่อความปลอดภัย ชาวบ้านในพื้นที่ที่ออกทำการประมง และเตือนชาวบ้านห้ามเข้าใกล้บริเวณดังกล่าว เพื่อรอการเก็บกู้ เนื่องจากเป็นเครื่องบินรบถึงจะจมอยู่ในน้ำนาน หรืออาจมีระเบิดที่ติดอยู่กับตัวเครื่อง
นายชนเทพ สุริวงศ์ อายุ 40 ปี ชาวบ้านปากมาง อำเภอท่าบ่อ ซึ่งออกหาปลาตามปกติทุกวันเป็นผู้พบซากเครื่องบินคนแรก กล่าวว่า ตนและชาว สปป.ลาว ได้ออกหาปลาในแม่น้ำโขง วางตาข่ายเพื่อดักปลา เมื่อเก็บกู้ตาข่ายปรากฏว่าตาข่ายไปติดอยู่ใต้น้ำจึงได้พากันลงดูพบว่าตาข่ายติดพันกับใบพัดเครื่องบิน จากนั้นจึงแจ้งผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ เบื้องต้นคาดว่าเป็นเครื่องบินรบ/ขับไล่ ซึ่งชิ้นส่วนเครื่องบินบางชิ้นชาว สปป.ลาว นำกลับไป มีเพียงชิ้นเดียวที่ตนเก็บไว้รอเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ จากการสอบถามคนเฒ่าในพื้นที่ทั้งบ้านปากมาง อำเภอท่าบ่อ และบ้านแก้งยาง เมืองหาดทรายฟอง สปป.ลาว ที่อยู่ตรงข้าม ทราบว่า เมื่อ 60 ปีที่ผ่านมา มีนักบินที่ขับเครื่องบินรบ ชาว สปป.ลาว กำลังขับเครื่องบินเพื่อจะไปปฎิบัติหน้าที่ ขณะบินผ่านพื้นที่บ้านตัวเอง เครื่องบินได้เกิดอุบัติเหตุตกลง แม่น้ำโขงขณะนั้นกระแสน้ำไหลเชี่ยวและลึกจึงไม่ได้มีการกู้ซากเครื่องบิน ปล่อยให้จมอยู่ในแม่น้ำโขงมาเป็นเวลานานกว่า 60 ปี จนกระทั้งปีนี้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดต่ำมาก จนทำให้พบซากเครื่องบินลำดังกล่าว
ส่วน นางจันทอง พัฒพรม อายุ 70 ปี 125 ม.3 ต.ปากมาง อ.ท่าบ่อ และ นางสายสมร อักษร อายุ 70 ปี ทั้งสองคน กล่าว่า ตอนเมื่ออายุประมาณ 10 ขวบกว่าเป็นนักเรียน เดินออกจากบ้านมาเล่นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง จู่ๆ ได้เห็นตอนเครื่องบินตกต่อหน้าตกลงที่กลางน้ำโขง แต่ก็ไม่มีใครสนใจเนื่องจากสมัยนั้นน้ำในแม่น้ำโขงจะลึกมากจนเวลาผ่านมา 60 ปี และมาพบดังกล่าว และทราบจากชาวลาว ซึ่งเป็นญาติของนักบินลำที่ตกว่า คนขับชื่อ ท้าวห่อ กำลังจะขับเครื่องบินไปปฎิบัติหน้าที่ และได้ขับมาอวดญาติๆ ก่อนเดินทางปรากฎว่าเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุตกลงกลางน้ำโขง ดังกล่าว ( นางจันทอง-นางสายสมร กล่าว) ซึ่งหลายหน่วยงานจะได้วางแผนร่วมกันเพื่อหาทางกู้ซากเครื่องบินต่อไป
ฤาษีลภ-ปวีณา อินทะชัย จังหวัดหนองคาย