เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 17 มกราคม ที่ห้องปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนชุด “พิรุณ” สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.นิธิศ รอดคลองตัน รอง ผกก.สส.พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร สว.สส.พร้อมด้วยตำรวจสืบสวน ชุด “พิรุณ” ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเยาวชนชาย อายุระหว่าง 8-15 ปี ประกอบด้วย นายเพิก นามสมมุติ อายุ 15 ปี หัวหน้าแก๊ง ด.ช.เอ อายุ 14 ปี ด.ช.บี อายุ 12 ปี ด.ช.ซี อายุ 11 ปี และด.ช.ดี อายุ 8 ขวบ ทั้งหมดเป็นราษฎรชาวบ้านหนองตูม ม.2 ต.บ้านจั่น อ.เมืองอุดรธานี ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์ ในเคหะสถาน” ส่วนนายเพิก หัวหน้าแก๊ง ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่ม คือ “เสพย์เสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” พร้อมของกลาง รถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟิโน่ สีฟ้า 1 คัน รถจักรยานเสือภูเขา สีเหลือง 1 คัน ฟิวเจอร์บอร์ดสำหรับใช้เล่นเกมส์ปาลูกโป่ง จำนวน 1 ชุด เสื้อผ้าของ นายเพิกฯ หัวหน้าแก๊งที่ถอดทิ้งไว้ในบ้านของผู้เสียหาย 1 ชุด พร้อมด้วยกระเป๋าสะพายสีดำข้างในมีไฟเช็ก กรรไกร มีดพับ มีดคัทเตอร์ อุปกรณ์การเสพยาบ้า และหลอดยาดม เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 535 ม.2 บ.หนองตูม ต.บ้านจั่น อ.เมืองอุดรธานี โดยมีนายวุฒินันท์ สมปิตตะ อายุ 42 ปี ครูผู้เสียหายเจ้าของบ้าน และน.ส.จุฑาทิพย์ พึ่งสว่าง อายุ 44 ปี ภรรยา ร่วมงานแถลงข่าวในการจับกุมครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้สืบเนื่องจากช่วงเย็นวันที่ 15 ม.ค.ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้ไปตรวจสอบเหตุคนร้ายงัดบ้านเลขที่ 535 ม.2 บ.หนองตูม ต.บ้านจั่น อ.เมืองอุดรธานี รื้อค้นข้าวของกระจัดกระจาย มีทรัพย์สินเสียหายและสูญหายหลายรายการ รวมมูลค่าประมาณ 1 แสนบาท แถมคนร้ายยังจัดปาตี้ยา ร้องคาราโอเกะและเป่าลูกโป่ง เพื่อเลนเกมส์ปาโป่งกัน และที่สำคัญรูปภาพแต่งงานเจ้าของบ้านขนาดใหญ่ ถูกคนร้ายทำลายเสียหาย ก่อนหลบหนีไปพร้อมทรัพย์สินภายในบ้าน จากการตรวจสอบตำรวจเชื่อว่า คนร้ายมีมากกว่า 2 คน และน่าจะเป็นเยาวชนในหมู่บ้าน เนื่องจากบ้านหลังเกิดเหตุไม่มีคนนอนเฝ้ามาประมาณ 2 สัปดาห์ และจากการสืบทราบและติดตามจับกุมคนร้ายได้ยกแก๊งที่บ้านพัก พร้อมทรัพย์สินของกลางบางส่วน มาสอบสวนที่ สภ.เมืองอุดรธานี
จากการสอบสวนนายเพิก หัวหน้าแก๊งให้การรับสารภาพว่าเป็นหัวหน้าแก๊ง เห็นบ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่หลายวัน เช้าวันอาทิตย์ที่ 14 ม.ค.จึงชวนน้องๆในหมู่บ้านรวมทั้งหมด 5 คน โดยตนเป็นคนใช้ฆ้อนงัดประตูหลังบ้าน ก่อนพากันเข้าไปรื้อค้นขโมยทรัพย์สิน ต่อเครื่องเสียงร้องเพลงคาราโอเกะ และเล่นปาลูกโป่งกันภายในห้องรับแขก แล้วให้น้องๆ ช่วยกันขนทรัพย์สินออกไปทางรั้วหลังบ้าน ไปเก็บไว้ที่บ้านของตนที่อยู่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร เพื่อนำไปขายและได้นำไปขายบางส่วนได้แล้ว
“วันเกิดเหตุตนหลบไปเสพยาบ้า จำนวน 3 เม็ด ภายในห้องนอนของเจ้าของบ้าน จากนั้นได้ใช้กำปั้นชกรูปแต่งงานเจ้าของบ้านฉีกขาดเสียหาย ที่ทำไปไม่ได้โกรธแค้นเจ้าของบ้าน แต่ทำไปด้วยความคึกคะนองเท่านั้น โดยพากันหลบหนีออกจากบ้านไปช่วงค่ำวันเดียวกัน ส่วนยาบ้าตนซื้อมาจากเพื่อนที่คุ้มผาสุก ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี ในราคาเม็ดละ 50 บาท และอยากกราบขอโทษครูผู้เสียหาย และสัญญาว่าจะเลิกเสพยาและงัดบ้านคนอื่นอีกแล้ว”
จากนั้นนายเพิก หัวหน้าแก๊งฟันน้ำนม ก้มลงกราบขอโทษครูและภรรยาเจ้าของบ้าน ซึ่งก็ให้อภัย พร้อมกับให้โอวาทกลับตัวกลับใจยังไม่สาย เพราะยังเป็นเด็กเยาวชนอยู่
นายวุฒินันท์ ครูผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตนมั่นใจว่าตำรวจคงติดตามจับคนร้ายได้อย่างแน่นอน และเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนได้รับแจ้งจากชุดสืบสวนพิรุณ สภ.เมืองอุดรธานี ว่าสามารถติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุได้ทั้งหมดแล้ว พร้อมของกลางที่ขโมยไปบางส่วน ทีแรกนึกว่าคนร้ายเป็นผู้ใหญ่ติดยา แต่พอรู้ว่าเป็นเยาวชนอายุ 8-15 ปี ก็รู้สึกหดหู่ใจ ในฐานะตนเป็นครู ก็ให้อภัยเมื่อเขาสำนึกผิด และสัญญากับตนและภรรยาว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว และฝากถึงครูที่สอนเด็กที่ก่อเหตุ และผู้ปกครอง ให้มั่นดูแลเอาใจใส่ หรือเข้มงวดกับบุตรหลานให้มากกว่านี้
นางน้อย นามสมมุติ อายุ 56 ปี ยายนายเพิก กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเลี้ยงแม่ของน้องเพิกมาตั้งแต่เล็ก และเป็นหลานสามีเก่า เลี้ยงเป็นลูกจนแต่งงานมีครอบครัว และมีน้องเพิกออกมา ตนก็ยังได้มาเลี้ยงน้องเพิกต่ออีก ส่วนพ่อกับแม่ของเพิก ก็แยกทางกันตั้งแต่น้องเพิกฯยังเล็กน้องเพิกจึงอยู่กับตน ปกติน้องเพิก ก็จะมีพฤติกรรมแบบนี้ สิ่งของที่อยู่ในบ้านก็จะขโมยเอาไปขาย เงินที่ตนไปขายของที่ตลาดกลับมาบ้าน น้องเพิกก็จะมารื้อค้นเอาไปซื้อยาบ้ามาเสพ ซึ่งน้องเพิกติดเสพยาบ้ามาประมาณ 2 ปี ตนก็เคยสั่งสอนบอกอยู่ว่า มีบ้านให้อยู่ มีข้าวให้กิน สิ่งของที่อยู่ในบ้านทำไมไม่รักษาเอาไว้ และเป็นคนดีได้เพียง 3 วัน ก็กลับมาทำพฤติกรรมแบบเดิมอีก
นางน้อย กล่าวต่อไปว่าหลังทราบข่าวว่าน้องเพิกพาน้องๆในหมู่บ้านไปงัดบ้านครูตนก็รู้สึกเสียใจ และอยากขอโทษที่ดูแลสั่งสอนเขาไม่ได้ดี เพราะต้องทำมาหากินไปขายของทุกวัน เพื่อหาเลี้ยงดูเขาเราไม่ใช่คนรวย เป็นคนหาเช้ากินค่ำ อยากบอกน้องเพิกว่าให้กลับตัวเป็นคนดีของสังคมแต่ว่าสิ่งแวดล้อมมันนำพาไปกระทำผิด และติดเสพยาบ้า หากไม่ได้เสพเขาก็มีอาการหงุดหงิด ต่อไปตนก็จะพยายามดูแลหลานชายให้ดีที่สุด