ชาวนาในจังหวัดขอนแก่นเรียกร้องรัฐบาลชุดใหม่ ขึ้นราคาข้าวเปลือกให้สูงถึงกิโลกรัมละ 15 บาท และลดราคาค่าปุ๋ยเพื่อช่วยเหลือชาวนาให้ลืมตาอ้าปากได้
ข้าวหอมมะลินาปรัง 16 ไร่ ของนายเฉลิม จุลโนนยาง อายุ 62 ปี ชาวนาบ้านสงเปือย อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ออกรวงแก่เต็มที่พร้อมเก็บเกี่ยว เช้าวันนี้จึงได้จ้างรถเกี่ยวข้าวมาเก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งหมด เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับโรงสีข้าวในพื้นที่
นายเฉลิม กล่าวว่า ปีนี้ได้ลงทุนเช่านี่นาเพื่อทำการปลูกข้าวนาปรัง จำนวนทั้งสิ้น 60 ไร่ ในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น โดยลงทุนเองทั้งหมดตั้งแต่การไถหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว การใส่ปุ๋ย และจ้างรถเก็บเกี่ยวผลผลิต ปัญหาที่พบประจำคือศัตรูพืชและโรคระบาด ทำให้ต้นข้าวได้รับความเสียหายให้ผลผลิตไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ขณะเดียวกันปุ๋ยเคมี ก็มีราคาแพง ทำให้ชาวนามีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยต่อไร่ราวๆ 5 พันบาท ส่วนผลผลิตที่ได้ต่อไร่ประมาณ 800-900 กิโลกรัม โดยที่โรงสีรับซื้อข้าวเปลือกอยู่ที่ตันละ 9,500 บาท ที่ความชื้นไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ แต่ชาวนาที่ทำนาปรังส่วนใหญ่เมื่อเกี่ยวข้าวเสร็จแล้วก็นำไปขายให้กับโรงสีทันที เพื่อแก้ปัญหาเรื่องลานตากข้าวเปลือกไม่พอและลดต้นทุนเรื่องการจ้างแรงงานเพิ่ม จึงทำให้ข้าวมีความชื้นสูง โรงสีจึงรับซื้ออยู่ที่ราคาตันละประมาณ 8 พันกว่าบาท เหลือกำไรต่อไร่ 2 พันกว่าบาท
นายเฉลิม ยังใกไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศขอให้ทำนโยบายเพื่อช่วยเหลือชาวนา เรื่องราคาผลผลิตข้าวเปลือกจ้าวและข้าวเปลือกเหนียว ให้มีราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10 บาท หากเป็นไปอยากให้ถึงกิโลกรัมละ 15 บาท พร้อมทั้งควบคุมราคาปุ๋ยไม่ให้มีราคาสูงเกินไป หากทำได้จริงเชื่อว่าชาวนาจะสามารถลืมตาอ้าปากได้