อุดรธานี – พี่สาวคนโต ตามทวงสมบัติชิ้นสุดท้าย ‘เสี่ยปาน 30 ล้าน’

น้องมดพร้อมป้าติ๋วพี่สาวคนโตเสี่ยปาน 30 ล้านบาท ทวงที่ดินร้านก๋วยเตี๋ยวสมบัติที่เหลือชิ้นสุดท้าย หลังป้าเก้าผจก.มรดกยักยอกเงินตามพินัยกรรม เจอสามีป้าเก้าเถียงหัวชนฝาไม่ให้ รอขายบ้านให้ก่อนแล้วจะให้เงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเรื่องวุ่น ๆ หลังจากเสี่ยปาน 30 ล้านเสียชีวิตด้วยโรคร้ายเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ปีที่แล้ว ทิ้งมรดกไว้มากกมาย แต่ผจก.มรดก ซึ่งเป็นพี่สาวเสี่ยปาน กลับยักยอกเงินที่เสี่ยปานเขียนพินัยกรรมเอาไว้ ไม่ยอมยกให้ลูกชายเสี่ยปานจำนวน 3 ล้าน จนน.ส.เสาวณี อดีตภรรยาต้องยื่นเรื่องต่อศาลให้ดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา ต่อน.ส.สุธีรา แก้วสวนจิก ซึ่งเป็น ผจก.มรดก และทางศาลจ.อุดรธานี ได้ออกหมายจับไปแล้วนั้น พร้อมกันนี้ อดีตภรรยายังได้ตั้งค่าหัวให้กับคนที่แจ้งเบาะแสของผจก.มรดกเสี่ยปาน 30 ล้านมีรางวัลให้ 20,000 บาท

ล่าสุด ป้าติ๋วพร้อมด้วยอดีตภรรยาเสี่ยปาน และน้องเกาลัด ลูกชายคนเดียวของเสี่ยปาน 30 ล้าน และพยานคุณตาเรืองเดช เจ้าของที่ดินที่ขายให้เสี่ยปานเมื่อปี 59 และนายตู๊ด ประธาน อบต.หนองหานได้เดินทางมาเป็นพยาน พร้อมกันเดินทางที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่บ้านหนองบ่อ หมู่ 7 ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เพื่อไปทวงสิทธิตามพินัยกรรมกับป้าเก้า แต่ไม่พบ พบเพียงนายพจน์ สามีของป้าเก้า ป้าติ๋วได้เรียกให้มาพูดคุยกันถึงเรื่องสิทธิตามพินัยกรรม แต่ปรากฏว่านายพจน์ตอนแรกไม่ยอมลงมาจะขับรถหนีท่าเดียว สุดท้ายจึงยอมมาคุยด้วย โดยป้าติ๋วถามตรงๆ บอกว่า เธอรู้จักฉันมั้ย ขณะที่นายพจน์ บอกว่า ไม่รู้จัก ป้าติ๋วจึงบอกว่า ฉันเป็นพี่สาวคนโตของเมียเธอและเสี่ยปาน มาวันนี้ต้องการถามเรื่องเงินตามพินัยกรรม และที่ดินตรงนี้ได้ยินข่าวว่าขายได้ ใช่ไหม ขายไม่ได้ต้องเอาให้ลูกชายเสี่ยปาน แต่นายพจน์เดือดกลับ ไม่รู้กับเมียว่าเงินไปน เขาก็หนีไปไม่บอก ไม่รู้กับเมีย และที่ตรงนี้ก็ขายไปแล้ว โดยขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังถ่ายภาพ นายพจน์กลับโมโหบอกว่า ห้ามถ่าย ถ้าถ่ายผมจะไม่คุยด้วย ป้าติ๋วบอกอีกว่า ทำไมเจ้าไม่รู้เมียแท้ๆ อย่าแสดง นายพจน์ก็โต้กลับเจ้านั่นหละอย่ามาแสดงกับผม เรื่องเงินขายที่ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเก้าที่เอาไปไหนเอาไปใช้อะไรบ้าง เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็หนีไปภูเก็ต โดยป้าติ๋วยืนยันจะขอที่ตรงนี้ที่เหลืออยู่ให้ลูกชายเสี่ยปานไป แต่ปรากฏว่าดูท่าทางขึงขังไม่ยอม บอกว่า ให้ไม่ได้ขอเวลาให้ผมขายได้ รออีก 5 เดือนไปถึงเดือนก.ย. ถ้าขายไม่ได้ก็ให้มาเอาเลย แต่น้องมดโต้กลับบอกว่า หนูฟังลุงกับป้ามานานแล้ว ที่ดินตามพินัยกรรมก็แอบขายไม่แจ้งพวกหนู พอได้เงินก็ไม่เอาให้ ทำไมไม่เอาที่ตรงนี้ให้หลานไปเลย เรื่องมันจบๆ ไป เรื่องขายที่แล้วจะรับปากจะให้ ไม่มีอะไรมารับประกันให้เลย แต่นายพจนก็โต้คืนน้องมดว่า อย่าเก่ง ให้ฟัง ปากอย่าปลิ้นปล้อน ถ้าไม่ฟังจะหนีเดี๋ยวนี้ ให้โตคุยกับเฮาดีๆ ถ้าไม่ทำตามแบบเรา ก็ไม่ต้องเอา สุดท้ายก็คุยกันไม่รู้เรื่อง จึงแยกย้ายกันไป

น้องมด กล่าวทั้งน้ำตาว่า หนูไม่เชื่อลุงกับป้าอีกแล้ว จะยื้อเวลาไปทำไม อ้างจะขายที่ดินตรงนี้แล้วถึงจะเอาเงินให้ มันนานไป รอถึง 5 เดือน แล้วไม่มีอะไรมารับประกันว่าจะได้ เพราะเงินตามพินัยกรรมก็ไม่ได้แล้ว ถ้ายกที่ดินและร้านก๋วยเตี๋ยวให้น้องเกาลัดก็จบกัน หนูฟังฝ่ายลุงกับป้ามาตลอด ให้หนูรอหนูก็รอ อ้างว่าหนูไม่มาเอา ทั้งๆ ที่หนูติดต่อมาตลอด หนูไม่เชื่อใจอีกแล้ว ที่ผ่านมาไม่มีความหวังให้หนูและลูกชายเสี่ยปานเลย เสียใจมาก น้องมดพูดไปน้ำตาไหลไป ส่วนน้องเกาลัด ลูกชายคนเดียวของเสี่ยปาน บอกว่า ผมมากับแม่วันนี้ผมก็อยากได้กับที่พ่อจะให้ผม แต่ผมไม่ได้ อยากจะฝากถึงลุงพจน์และป้าเก้า ขอให้ผมได้บ้างเถอะ น้องเกาลัดกล่าวหน้าเศร้าอย่างไร้เดียงสา


นายเรืองเดช มั่งคั่งดี อายุ 70 ปี เจ้าของที่คนเก่า เปิดเผยว่า ยืนยันว่าที่ตรงนี้ขายให้เสี่ยปานจริงเมื่อปี 59 มันเป็นที่สาธารณะประโยชน์ไม่มีใบอะไร เป็นแค่เสี่ยปาน จ่ายเงินที่ซื้อประมาณ 1,700,000 บาท ก็มีใบเสร็จให้เท่านั้น เรื่องนี้จริงๆ ทางลุงกับป้าของอดีตเมียเสี่ยปาน ควรยกที่ดินตรงนี้ให้ลูกเมียเขาซะ เพราะเงินตามพินัยกรรมก็ไม่ให้เขาแล้ว ลูกสืบสันดานก็ควรจะได้บ้าง

ป้าติ๋ว พี่สาวคนโตเสี่ยปาน เปิดเผยว่า ด้วยความสงสารหลานและน้องสะใภ้ที่ไม่ได้อะไรเลยกับเสี่ยปาน 30 ล้าน วันนี้จึงมาพูดคุยกับสามีนางเก้าก่อน แต่ดูแล้วคุยไม่รู้เรื่อง เขาไม่ยอมยกที่ดินที่เหลือชิ้นสุดท้ายตรงนี้ให้ ขนาดเงินตามพินัยกรรม 3 ล้านก็ไม่ได้ เงินมรดกเสี่ยปาน เก้าเอาไปใช้หมดแล้ว คาดเอาไปเล่นพนันจนหมดตัว เราจึงหาช่องทางก่อนที่ตนเองจะกลับไปเยอรมัน เมื่อวานไปพูดคุยกับทางสนง.ที่ดินแล้ว พอมีช่องทางน้องเกาลัดควรได้ที่ตรงนี้ โดยจะทำหนังสือรับรองและมีพยานว่า เจ้าของเดิมได้ขายให้เสี่ยปานจริง มีอบต.และชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีการซื้อขายจริง น้องเกาลัดก็มีสิทธิในที่ดินตรงนี้ เพราะเป็นผู้สืบสันดานของเสี่ยปานโดยตรง ตนเองยังติดใจสงสัยการเสียชีวิตของน้องชาย 2 คนคือนายเบิ้มและเสี่ยปานโดยเฉพาะนายเบิ้มน้องชายอีกคนจู่ๆ กินน้ำเปล่าจากนั้นล้มลงเสียชีวิตทันที ยิ่งเห็นข่าววางยาของแอมไซยาไนด์ คนแข็งแรงมาตลอด จู่ๆ มาตายได้ไง และเสี่ยปานมาป่วยมะเร็งหลังถูกหวย จะมีการวางยาด้วยหรือไม่จนเสียชีวิต อันนี้ก็ติดใจอยู่

ตั้งแต่กลับมาเมืองไทยเสี่ยปานเข้าฝันหลายครั้ง เห็นเดินเข็นรถเข็นข้างถนน ไม่ใส่เสื้อ หน้าตาเศร้า เดินรอบหมู่บ้าน และมีญาติฝันเห็นเสี่ยปานหอบเสื้อผ้าจากบ้านหลังใหญ่ๆ ของเขามาอยู่บ้านหลังเก่าที่ตนเองยกให้เขา เหมือนวิญญาณเสี่ยปานยังห่วงอยากให้พี่สาวช่วยและอยากให้ลูกชายเขาได้ในมรดกด้วย กลับมาครั้งนี้ตนเองก็มาทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์บ้านหลังเก่าที่เคยยกให้เสี่ยปานให้เสร็จเรียบร้อย แล้วจะขายทำบุญให้เสี่ยปาน เพราะบ้านหลังนี้มีคนตายแล้ว 6 ศพ จะเดินเรื่องขอให้น้องเกาลัดและน้องสะใภ้ได้ที่ดินผืนนี้เพราะน่าจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาควรจะได้ ส่วนเงินตามพินัยกรรมคงไม่ได้แล้ว ถ้าน้องสะใภ้ได้ตรงนี้แล้วพอ ก็อยากให้มันจบๆ ไม่อยากให้พี่น้องกันทะเลาะกัน ป้าติ๋วพี่สาวคนโตเสี่ยปาน 30 ล้านกล่าวตอนท้าย

ทางด้านนายภาณุมาศ จิตรวศินกุล หรือ “เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย” เปิดเผยว่า ในเรื่องของมรดกเสี่ยปาน 30 ล้าน ที่ผจก.มรดกไม่ยอมทำตามพินัยกรรม และมีพฤติกรรมที่ส่อให้เห็นทุจริตกับมรดก และไม่ทำตามวัตถุประสงค์ตามพินัยกรรม ตอนนี้ชัดเจนแล้วเพราะเขาหลบหนี ศาลฯ ท่านออกหมายจับแล้ว ทางอดีตภรรยาเสี่ยปานสามารถให้ทนายร้องต่อศาลให้เพิกถอนผจก.มรดกได้ และทางศาลฯ ท่านก็จะอาจสืบหาญาติพี่น้องคนใหม่เป็นผจก.มรดกคนใหม่แทน ดูแล้ว ลูกชายเสี่ยปานก็มีสิทธิ์ได้ทรัพย็สินทั้งหมด ส่วนที่ดินตรงนี้ อดีตภรรยาเสี่ยปานก็สามารถตั้งทนายร้องต่อศาลฯ เพื่อให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวที่ดินตรงนี้จนกว่าจะพิสูจน์ทราบว่าที่ตรงนี้ว่าใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง โดยตอนนี้ป้าเก้าและสามีอ้างว่า เสี่ยปานยกให้ก็เอาเอกสารมายืนยัน แต่ถ้าพิสูจน์แล้วที่ดินตรงนี้เป็นของเสี่ยปาน ลูกชายที่เป็นผู้สืบสันดานก็มีสิทธิในที่ดินตรงนี้ชัดเจน

รัฐธนินท์อุดร