เกษตรกรสาวชาว ซับใหญ่ พลิกชีวิตปลูกฟักทองขายทำเงินกว่าปีล่ะล้านบาท จากเดิมที่เคยปลูกมันสำประหลังได้เงินน้อย
ชัยภูมิจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นและมีหมอกในช่วงเช้าทำให้พืชผักชนิดต่างๆมีผลผลิตที่งดงามส่งขายได้ราคาดี ขณะเดียวกันเกษตรกรที่เคยปลูกมันสำประหลังพลิกวิกฤตหันมาปลูกฟักทองขายส่งตลาด สร้างรายได้เข้าครอบครัวอย่างงามมีรายได้ปีล่ะนับล้านบาท
เกษตรกรสาวบ้านวังกุง ต.ท่ากูบ อ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ ได้พลิกชีวิต นำพื้นที่ไร่ซึ่งปลูกมันสำประหลังและหันมาปรับเปลี่ยนแนวคิดปรับพื้นที่ไร่มันสำประหลังให้เป็นแปลงปลูกฟักทองขายส่งพ่อพ่อค้าที่วิ่งมารับซื้อถึงไร่ ไม่ต้องเสียค่าขนส่งเช่นมันสำประหลังประหยัดค่าใช้จ่ายแถมได้ราคาดี โดยเฉพาะปีนี้ ราคา รับซื้อพุ่งถึง กิโลกรัมล่ะ 15 บาทเลยทีเดียว ทำให้เกษตรเกษตรต้องเร่งเก็บผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นการด่วน โดยเฉพาะผลผลิตลูกฟักทองที่เกษตรกรเก็บออกสู่ตลาด ในช่วงนี้ ราคา กิโลกรัมล่ะ 15 บาท หนึ่งไร่สารมารถทำเงินให้เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยต่อไร่ 3-4หมื่นบาท ในระยะเวลาในการปลูกเพียง 70-80วันเท่านั้นเองก็สามารถเก็บผลผลิตออกขายสู่ตลาดสร้างรายอย่างงดงามให้กับเกษตรได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวในระยะนี้
ด้านน.ส.สุภาวนี รวดชัยภูมิ อายุ 30ปี หนึ่งในเกษตรกร บ้านวังกุง หมู่ 4 ตำบลท่ากูบ อำเภอซับใหญ่ จังหวัดชัยภูมิ ที่เคยปลูกมันสำประหลังเป็นหลัก และให้หันมาปลูกฟักทองอย่างจริงจังพร้อมเผยว่าตนเองเดิมทีเคยปลูกมันสำประหลัง แต่เนื่องด้วยค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงการลงทุน ค่อนข้างสูง หักค่าใช้จ่ายแล้วในแต่ล่ะปีทำให้ตนมีเงินเหลือน้อย ดังนั้นตนและครอบครัวจึงได้คิดหันหาแนวทางในการทำการเกษตร หันหลังให้กับการทำไร่มันสำประหลัง จึงหันมาปลูกฟักทองขายโดยในช่วงแรก ตนได้ทดลองปลูกก่อน 15 ไร่ โดยเก็บลูกอ่อนออกขายส่งให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดในอ.จัตุรัสและขายเร่ตามชุมชน จนต่อมาทำให้ได้รู้จักกับพ่อค้าที่วิ่งรับซื้อฟักทองแก่ จึงได้แนะนำให้ตน ปลูกฟักทองแก่ขายเพราะจะได้น้ำหนักมากกว่าฟักทองอ่อน ตนจึงได้หันมาลงทุนปลูกฟักฟองอย่างจริงจัง บนพื้นที่ กว่า 40ไร่
ซึ่งปัจจุบัน ตนและครอบครัวมีรายรายได้จากการขายฟักทองเฉลี่ยปีล่ะนับล้านบาทเลยทีเดียว โดยตนเองได้ปลูกฟักทองติดต่อกันมาแล้วกว่า4ปีจึงทำให้เป็นที่รู้จักของพ่อค้าที่รับซื้อฟักทองไปแล้วในระยะนี้ โดยในปัจจุบันนี้ได้มีพ่อค้ารายใหญ่ติดต่อมาขอซื้อถึงสวน ในราคา กิโลกรัมล่ะ 15บาท ซึ่งตนกำลังทยอยเก็บขายวันล่ะ 8-10 ตัน ต่อวัน โดยปีนี้คาดว่าเมื่อเก็บผลผลิตเสร็จจะมีรายได้นับล้านบาทอย่างแน่นอน เพราะขายได้ราคาดีกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากเก็บผลผลิตของฟักทองเสร็จตนก็จะทำการปลูกข้าวโพดต่อไปสลับหมุนเวียนกันไปซึ่งในหนึ่งปีจะสามารถทำประโยชน์จากไร่ได้ ถึงสองครั้งในปีเดียวกันแตกต่างจากมันสำประหลังมากหนึ่งปีถึงเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ แต่หัวใจสำคัญ ในการปลูกฟักทอง ต้องไม่ขาดน้ำ เกษตรกรควรคำนึงถึงแหล่งน้ำเป็นสำคัญเพราะจะทำให้ผลผลิตมีลูกสวยสมบูรณ์ขายได้ราคาดี หากใครสนใจที่จะมาศึกษาเพื่อเป็นแนวทางได้ไม่หวงเพราะอยากให้เกษตรกรมีรายได้เช่นกันสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร 062 -1799558
ด้านนายวาสุเทพ ศรีคำแหง อายุ 43ปี พ่อค้ารับซื้อฟักทอง กล่าวว่า ตนเองเป็นพ่อค้ารับซื้อฟักทองรายใหญ่วิ่งรับซื้อทั่วประเทศ มีความต้องการฟักทองเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้เกษตรกรที่เคยปลูกพืชเชิงเดี่ยวเช่นมันสำประหลัง หรือชนิดอื่นๆอย่างเดียว ได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดหันมาปลูกพืชชนิดอื่นดูบ้างโดยเฉพาะฟักทอง ตนรับซื้อโดยประกันราคาให้กับเกษตรกรเลย ซึ่งราคาประกันรับซื้อขั้นต่ำ ราคา กิโลกรัมล่ะ 5 บาท แต่อย่างไรเกษตรกรก็ยังไม่ขาดทุน โดยในปัจจุบันตนได้รับซื้อฟักทองจากสวนในราคากิโลกรัมล่ะ 15 บาท เกษตรกรทุกคนที่ปลูกฟักทองยิ้มได้แก้มปริเลยที่เดียว เพราะราคาปีนี้ดีมาก แถมไม่ต้องเสียค่าขนส่งหรือค่าใช้จ่ายต่างๆเช่นการทำไร่ชนิดอื่นๆแถมยังประหยัดแรงงานอีกด้วยเพราะใช้คนน้อย โดยทางเรามีการจับมือกับทางการเกษตรแต่พื้นที่ให้ความรู้แก่เกษตรกร พร้อมกับห้างสรรพสินค้าที่รับซื้อ ลงพื้นที่ให้ความรู้ด้านต่างๆแก่เก่เกษตรกรอีกด้วย จึงทำให้เกษตรกรที่ปลูกฟักทองขายได้ราคาที่ดีมาโดยตลอดซึ่งหากเกษตรกรท่านใดสนใจก็สามารถสอบถามได้ที่เบอร์ โทร 092-9826888 นี้ได้เลย
วิรัตน์ ดวงแก้ว ผู้สื่อข่าว จ.ชัยภูมิ