จากประกาศของจังหวัดขอนแก่น แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังระดับในลำน้ำพอง เนื่องจากระดับน้ำในเขื่อนสูงใกล้แตะ 90% ของความจุของเขื่อนแล้ว ซึ่งจะมีการระบายน้ำออก35 ล้านลูกบาศก์เมตร
นายพิพัฒน์ คงสินทวีสุข ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือแจ้งว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย ที่ 25/2565 เรื่อง แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังระดับน้ำลำน้ำพองและแม่น้ำชีตามที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดการณ์ว่าพายุ “โนรู” จะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันที่ ๒๙ กันยายน 2565 ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 28 กันยายน – 1 ตุลาคม 2565 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเขื่อนอุบลรัตน์ ปริมาณน้ำปัจจุบัน ณ วันที่ 29 กันยายน 2565 มีน้ำ 2,137.98 ล้าน ลบ.ม. เท่ากับ 87.94% ของความจุของเขื่อนและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น ปริมาณน้ำไหลเข้า 99.98 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบาย 25 ล้าน ลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้อีกเพียง 269 ล้าน ลบ.ม. เท่านั้น คาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจนเต็มความจุ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2565 จากสถานการณ์ดังกล่าว กฟผ. มีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมตลิ่งลำน้ำพองและลำน้ำชี อาจได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักและผ่นตกสะสม รวมถึงการปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ แบบขั้นบันไดอีกวันละ 3 ล้าน ลบ.ม. จากเดิมวันละ 25 ล้าน ลบ.ม. จะปล่อยแบบขั้นบันไดเพิ่มวันละ 3 ล้าน ลบ.ม.จนถึงวันละ 35 ล้าน ลบ.ม.
ตามแผน ดังนี้ วันที่ 29 กันยายน ปล่อยน้ำออก 25 ล้าน ลบ.ม. วันที่ 30 กันยายน ปล่อยน้ำออก 28 ล้าน ลบ.ม. วันที่ 1 ตุลาคม ปล่อยน้ำออก 31 ล้าน ลบ.ม. วันที่ 2 ตุลาคม ปล่อยน้ำออก 34 ล้าน ลบ.ม. วันที่ 3 ตุลาคม ปล่อยน้ำออก 35 ล้าน ลบ.ม.
จากนั้นจะปล่อยน้ำออกวันละ 35 ล้านลูกบาศก์เมตรจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)จึงขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อม ขนสัมภาระของใช้ไว้ที่สูงและเฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าวด้วย หากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงทาง กฟผ. จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป
สำหรับการประกาศของจังหวัดดังกล่าว ชาวนาบ้านท่ากระเสริม ต.ท่ากระเสริม อ.น้ำพอง ต่างทยอยขนสิ่งของ และข้าวเปลือกที่พึ่งเกี่ยวแล้วเสร็จใหม่ ขนออกไปฝากบ้านญาติ ที่อยู่ที่สูง เพื่อรับมือมวลน้ำ โดยที่นายสมบัติ โมมา ชาวบ้านหมู่ที่ 5 เผยว่า ก่อนหน้านี้ได้ทำการเกี่ยวข้าวที่ยังไม่สุกเต็มที่ขึ้นมาเพื่อทำการตาก และบางส่วนส่งขายให้กับพ่อค้า ได้กิโลละ 7 บาท จากจำนวนพื้นนาทั้งหมด 14 ไร่ แล้วนำมาตากไว้ลานหน้าบ้าน แต่เนื่องจากสถานการณ์น้ำไม่ดีนัก เห็นว่า จะต้องเก็บข้าวของทยอยไปฝากกับบ้านญาติที่อยู่ที่สูง เนื่องจากบ้านของตนเองเป็นพื้นที่ลุ่ม ถ้าเขื่อนปล่อยน้ำ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร คงต้องท่วมอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทหารม.พัน14 ค่ายเปรมติณสูลานนท์ นำกระสอบทรายกั้นน้ำที่จะไหลเข้าหมู่บ้าน โดยระดมกำลังพร้อมกับชาวบ้านทำการบรรจุทรายลงกระสอบปุ๋ย เพื่อทำกระสอบทราย สร้างทำนบป้องกันน้ำพอง ไหลเข้าวัดท่าเกษม ซึ่งวัดดังกล่าวเป็นพื้นที่รับน้ำจากการเอ่อล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมหมู่บ้าน หว่า 300 หลังคาเรือน ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2560 ที่ผ่าน สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านและพื้นที่ทำการเกษตรเป็นวงกว้าง กว่า 1 หมื่นไร่