“นนท์” ชีวิตพลิกผัน!จากหมอลำขอข้าว ก้าวสู่พระเอกหมอลำดัง จับใบแดงรับใช้ชาติ ปลดประจำการผันตัวเป็นพ่อค้าขายผักเจอวิกฤติโควิด ตกหนักต้องกู้เงินนอกระบบ ชีวิตเกือบล้มทั้งยืน สมัครเข้าประกวดร้องเพลงในรายการ”ดวลเพลงชิงทุน” รอเกือบ 3 ปีจึงถูกเรียกเข้าแข่งขันจากอาชีพหมอลำทำให้เสียงเพลงสดุดใจกรรมการทะลุแชมป์สมัยที่ 32 ยอดเงินสะสมจากวงล้อทะลุล้าน
เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 265 บ้านห้วยฮวก ตำบลศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู หลังจากทราบข่าววา นายนนท์(นนท์) คำอ่อน แชมป์ดวลเพลงชิงทุน เดินทางมาบ้านเกิดเพื่อทำพิธีบายศรีสู่ขวัญตามคำบอกคำสอนของคนโบราณก่อนไปรักษาแชมป์สมัยที่ 32 ในรายการดวลเพลงชิงทุน ทันที่ที่ผู้สื่อข่าวเดินทางถึงพบเห็นชาวบ้านและญาติพี่น้องของนนท์ฯกำลังเตรียมสถานที่รองรับญาติและแฟนคลับที่เดินทางมาจากต่างถิ่น อยากเห็นหน้าตัวจริง ถ่ายรูปและให้กำลังใจกันอย่างคึกคัก
บรรยากาศโดยทั่วไปภายในบ้านมีพ่อแม่และญาติพี่น้องพร้อมด้วยนนท์ฯภรรยา และลูกสาว 2 คนอยู่ภายในบ้านเพื่อเตรียมเข้าสู่พิธีบายศรีสู่ขวัญจากพ่อพราหมณ์ พอหลังจากเสร็จพิธีบายศรีสู่ขวัญเหล่าบรรดาญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือได้ทำพิธีผูกข้อต่อแขนอำนวยอวยพรในขณะเดียวกันมี นายอิ๊ต รัศมีเดือน ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอศรีบุญเรือง และในขณะเดียวกันก็มี นายศรายุทธ ศิริสถิตย์ ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองบัวลำภู ดร.นิคม แสนบัว ส.อบจ.หนองบัวลำภู รวมถึงนายชยภัทร์ ยางศรี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยฮวกจอมทอง ที่นนท์ฯเคยศึกษาเล่าเรียน และนายสุวิชัย แก้วจันดา อาวทิดหนวดตรวจข่าว ดีเจชื่อดัง มามอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจและชื่นชมในฐานะคนศรีบุญเรืองที่สร้างประวัติศาสตร์ในวงการเพลงให้คนทั่วโลกได้รับรู้ว่าจังหวัดหนองบัวลำภู มีดีในหลายๆอย่าง
นนท์ฯได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ครอบครัวตนเองก็เหมือนกับครอบครัวทั่วไปของคนในชนบทหาเช้ากินค่ำพ่อแม่มีอาชีพทำนาหลังจากทำนาก็สานกระติบข้าว(ก่องข้าว)ที่ปัจจุบันทุกหลังคาเรือนสานกระติบข้าวเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านห้วยฮวกในเวลานี้ หลังจากจบการศึกษาชั้น ม.3 เพื่อนๆก็ชวนไปอยู่กับคณะหมอลำคณะเล็กๆในอำเภอเป็นหมอลำขอข้าว ซึ่งในอดีตจะเห็นคณะหมอลำขอข้าวเป็นอาชีพหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไปสมัครอยู่ในคณะหมอลำรัตนศิลป์อินตาไทยราษฏร์ ในช่วงที่อยู่ในวงหมอลำ ทำเป็นทุกอย่างที่หัวหน้าคณะให้ทำ และอยู่ไปไม่นานหัวหน้าคณะได้ให้รับบทบาทเป็นพระเอกหมอลำ อยู่ไม่นานก็ไม่คัดเลือกทหารเกณฑ์และจับได้ใบแดง เป็นทหารเกณฑ์สังกัดทหารเรืออยู่ 2 ปี แล้วกลับมาอยู่กับคณะหมอลำรัตนศิลป์อินทร์ตาไทยราษฏร์ ได้ 2 ปี
นนท์ฯเล่าต่อจากนั้นได้ลาออกจากคณะหมอลำเพื่อมาช่วยภรรยาขายของในอำเภอสมเด็จจังหวัดกาฬสินธุ์ ขณะที่กำลังค้าขายพอไปได้ ต้องมาเจอวิกฤติโควิด-19 ทำให้สินค้าประเภทผักเกิดเน่าเสียขาดทุนอย่างย่อยยับ จากนั้นหันมาขายสินค้าประเภทขนมปี๊ปที่คิดว่าไม่เน่าเสียง่าย และปรับเปลี่ยนอาชีพไปเรื่อยๆจนสุดท้ายไม่มีเงินจะลงทุนค้าขายต่อจึงจำเป็นต้องปรึกษาครอบครัวหันไปกู้เงินนอกระบบมาใช้จ่ายในการทำธุรกิจ ไฉนจะเจอวิกฤติโควิด-19 และดอกเบี้ยรายวันทำให้นนท์ฯต้องตัดสินใจว่าจะทำอาชีพอะไรที่จะได้เงินมาใช้หนี้รายวันให้เร็วๆ กรอปกับตนเองมีพรสวรรค์ในการร้องเพลงและหมอลำ จึงไปสมัครเข้าร่วมแข่งขันในรายการดวลเพลงชิงทุน กะว่าจะได้เงินเร็ว รอแล้วรอเล่าเกือบหมดความหวังเกือบ 3 ปีทางรายการจึงเรียกไปเข้าร่วมรายการและเข้าแข่งขันจนชนะคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่าจนมาถึงคนที่ 32 ทำให้ตนเองป้องกันแชมป์สมัยที่ 32ไว้ได้เพื่อจะก้าวต่อไป
ในขณะที่ยอดเงินสะสมในรายการ ณ วันนี้สะสมไปถึง 990,000 บาท ซึ่งเป้าหมายตนเองอยากถึงล้านเพื่อมาใช้หนี้และทดแทนบุญคุณพ่อแม่และทำธุรกิจตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ในขณะที่ตั๊กฯภรรยาของนนท์ฯขอให้นนท์ฯทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีมาจนถึงทุกวันนี้ และขอแรงใจแรงเชียร์พี่น้องชาวจังหวัดหนองบัวลำภู และชาวไทยทุกได้ให้กำลังใจกับนนท์ฯในวงการบันเทิงต่อไป
ทีมข่าวอีสานเดลี่ออนไลน์ประจำจังหวัดหนองบัวลำภู