นครพนม (ชมคลิป) สนธิกำลังรวบ 2 หนุ่มลาวขนยาบ้าเกือบแสนเม็ดแลกค่าจ้าง 2 หมื่น ทำมาแล้ว 2 ครั้ง

 


วันที่ 5 พ.ค.65 เวลา 11.30 น. ที่กองร้อยทหารพรานที่ 2108 บ้านปากห้วยม่วง ต.นาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี นายชัชวาลย์ ทองชน นายอำเภอบ้านแพง พร้อมด้วย พ.ต.อ.บุญเทียน พุดสีเสน ผกก.สภ.บ้านแพง พ.อ.อุทัย นิลเนตรผู้บังคับกรมทหารพรานที่ 21 ร.ต.วันชาติ เหมือนปืน ผบ.ร้อย.ทหารพรานที่ 2108 และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการจับกุม 2 ผู้ต้องหาชาวลาว พร้อมของกลางยาบ้า 49 มัด จำนวนประมาณ 98,000 เม็ด ได้ที่บริเวณใกล้ริมถนนหมายเลข 212 บ้านแพง – นครพนม บ้านม่วงชี ต.โพนทอง อ.บ้านแพง โดยตรวจยึดได้หลังจากขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ มีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว นำเข้าแบบกองทัพมดบรรทุกมาทางเรือหางยาว เพื่อนำมาพักและรอการส่งต่อไปขาย เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา


สืบเนื่องจากวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดย หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ณรงค์ สวนแก้ว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 /ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ,พ.อ.สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 (ผบ.ร.3) และ พ.อ.อุทัย นิลเนตร ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21 /ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 ได้บูรณาการด้านการข่าวในพื้นที่ อ.บ้านแพง จ.นครพนม หลังได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดจากขบวนการค้ายาจากประเทศเพื่อนบ้านข้ามมายังฝั่งประเทศไทย ตามแนวชายแดนแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย ฉก.ทพ.21 กกล.สุรศักดิ์มนตรี จึงได้สั่งการให้บูรณาการร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารพรานที่ 2108 นำโดย ร.ต.วันชาติ เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 2108 ร่วมกับสถานีเรือบ้านแพง หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม, ชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว (QRF), ตชด.237,ฝ่ายปกครอง และตำรวจ สภ.บ้านแพง เข้าปฏิบัติการซุ่มในพื้นที่จุดเสี่ยง จุดล่อแหลมสำคัญตามภูมิประเทศโดยกระจายกำลังหลายๆจุด


กระทั่งเวลา 21.50 น. พบชายฉกรรจ์จำนวน 2 คน ไม่ทราบสัญชาติ เดินแบกสิ่งของลัดทุ่งนามาตามชายป่าบริเวณบ้านม่วงชี หมู่ 4 ต.โพนทอง อ.บ้านแพง จ.นครพนม เพื่อมุ่งหน้ามายังทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 212 ซึ่งกำลังมีการขยายช่องทางจราจรจาก 2 เลนเป็น 4 เลน ชุดปฏิบัติการที่ได้วางจุดเฝ้าซุ่มอยู่บริเวณดังกล่าว จึงแสดงตัวขอตรวจค้น แต่ชายทั้งสองได้ทิ้งกระสอบต้องสงสัย วิ่งหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ เจ้าหน้าที่จึงทำการปิดล้อมพื้นที่ซึ่งคาดว่าผู้ต้องสงสัยหลบซ่อนตัว


ชุดปฏิบัติการใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถทำการควบคุมตัวคนร้ายไว้ได้ทั้ง 2 คนขณะนอนราบลงกับพื้นในพุ่มไม้ และเข้าตรวจสอบสิ่งของพบตะกร้าพลาสติกสานซึ่งภายในบรรจุยาบ้าห่อหุ้มด้วยกระสอบสีเหลือง ตรวจนับเบื้องต้น ได้จำนวน 49 มัด ประมาณ 98,000 เม็ด จึงนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดนำกลับไปที่ กองร้อย.ทพ.2108 บ้านปากห้วยม่วง ต.นาเข อ.บ้านแพง เพื่อทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมผู้ต้องหาทั้งสองทราบต่อมาว่าชื่อ ท้าวเสือ อ้วนแก้ว อายุ 21 ปี และ ท้าวน้อย อ้วนแก้ว อายุ 24 ปี โดยให้การว่าเป็นราษฎรบ้านดอน เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ ประเทศลาว โดยท้าวน้อยได้สารภาพว่าช่วงเวลาประมาณ 19.30 น. ท้าวค่อล่อซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันโทรศัพท์มาบอกว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดข้ามมายังเครือข่ายฝั่งไทย ตนจึงชวนท้าวเสือซึ่งเป็นญาติกันร่วมทำงานครั้งนี้ด้วย โดยจะได้ค่าจ้างหลังเสร็จงานคนละ 10,000 บาท รวม 20,000 บาท ท้าวค่อล่อจะเป็นผู้นำยาเสพติดใส่เรือแล้วช่วยกันพายเรือข้ามมายังฝั่งไทย บริเวณหาดทรายบ้านท่าลาด หมู่ 9 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม โดยท้าวค่อล่อส่งผู้ต้องหาถึงฝั่งแล้วก็พายเรือกลับ พร้อมบอกว่าเสร็จงานเมื่อไหร่ให้โทรหา ท้าวน้อยกับท้าวเสือจึงช่วยกันแบกกระสอบยาเสพติดเดินขึ้นมาตามเส้นทางที่นัดหมายคือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (บ้านแพง-นครพนม) โดยมีเครือข่ายจะขับรถยนต์มารับยาเสพติดตรงจุดนัดหมาย บริเวณ ถนนใกล้บ้านม่วงชี หมู่ 4 ต.โพนทอง อ.บ้านแพง จ.นครพนม แต่ถูกชุดปฏิบัติการซุ่มจับกุมตัวได้ดังกล่าว


นอกจากนี้ท้าวน้อยยังให้การรับสารภาพอีกว่า ก่อนถูกจับกุมได้ทำมาแล้ว 2 ครั้ง ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 65 ร่วมกับเพื่อนชาวลาวลำเลียงยาเสพติดจำนวน 1 กระสอบมาส่งให้เครือข่ายฝั่งไทย รับค่าจ้างคนละ 3,000 บาท ครั้งที่สองเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 65 ร่วมกับเพื่อนชุดเดิมได้ขนยาเสพติดข้ามแม่น้ำโขงมาฝั่งไทย เป็นยาบ้า 220,000 เม็ด และเพื่อนสองคนถูกจับกุมตัวได้ส่วนตนหลบหนีทัน ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามก็จบเห่โดนรวบตัวพร้อมของกลางเกือบ 100,000 เม็ด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า จะมีการลักลอบนำมาพักรอการส่งต่อไปขายในพื้นที่ตอนใน ซึ่งมีการตรวจยึดต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มากกว่าล้านเม็ด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้วางมาตรการ สกัดกั้นตามแนวชายแดน เข้มงวดอย่างต่อเนื่องต่อไป

ข่าว/ภาพ ประทีป วชิระธัญญากุล ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครพนม