แฉ “พระเล็ก” ปักกลดวัดริมแม่น้ำชี เป็นศูนย์บัญชาการจ่อยึดกาฬสินธุ์ ล่าสุดสารพัดลือ ใช้ เจ้าหน้าที่สำนักพุทธกาฬสินธุ์ เร่งจัดหาวัด ระบุเลขาเจ้าคณะภาค (พระ ช.) เป็นผู้หนุนหลัง ขณะที่ “มหานิยม” ส.ส.สกลนคร แจงยิบทามไลน์ วอนเจ้าคณะภาค 9 ยุติปัญหาสังฆราชีให้พระสายป่า
แฉปัญหาพระป่าสายกรรมฐานแห่งทือกเขาภูพาน ยังไม่นิ่ง รับปีเสือดุ เปิดข่าวลือสะพัด “พระเล็ก” ออกอุบายกล่อม เจ้าหน้าที่สำนักพุทธกาฬสินธุ์ เร่งจัดหาวัดนั่งบริหารเต็มตัว หวังเอาชนะไม่สนแรงต้านและปัญหาสังฆราชี ขณะที่เปิดตัวละครใหม่ในวงการข่าวลือความวุ่นวายเกิดจาก “พระ(ช)” เลขาเจ้าคณะภาค รับงานพระเล็ก เป็นหัวหมู่ทลวงฟัน ด้าน “มหานิยม” ส.ส.สกลนคร วอนเจ้าคณะะภาค 9 ยุติปัญหาสังฆาราชีให้พระสายป่าอีสาน ลั่นจะเดินหน้าท่วงความยุติธรรมและขอปกป้องพระพุทธศาสนาด้วยชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ซึ่งติดตามปัญหาไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นจากมติมหาเถรสมาคมเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 โดยเฉพาะกรณีการปลด เจ้าคุณหลวงพ่อบัวศรี หรือ พระเทพสารเมธี เจ้าอาวาสวัดประชานิยม ออกจากเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) และยังได้ทำการแต่งตั้ง พระครูเล็ก หรือ พระครูสุทธิญาณโสภณ เจ้าคณะอำเภอสังคม จ.นครพนม เป็นเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ)รูปใหม่ ทำให้ชาวพุทธกาฬสินธุ์และบรรดาลูกศิษย์ของเจ้าคุณหลวงพ่อบัวศรี ออกมาทวงความยุติธรรมเพราะเชื่อว่า มีการสอดไส้คำสั่ง จึงได้มีการล่ารายชื่อกว่าหนึ่งแสนรายชื่อ ถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พร้อมทั้งทำหนังสือถึง สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมหาเถรสมาคม เพื่อขอคำชี้แจง เพราะนอกจากจะเชื่อว่าคำสั่งนี้มีฆารวาสไปยุ่งเกี่ยวทำการสอดไส้แล้ว มติที่เกิดขึ้นยังผิดกฏมหาเถรสมาคม ผิด พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ ผิดจารีตประเพณีทางการปกครองคณะสงฆ์ รวมไปถึงผิดธรรมเนียมปฏิบัติของพระสายกรรมฐาน จนเกิดการต่อต้านที่รุนแรงทั้งจากคณะสงฆ์ มีการลาออกจากพระสังฆาธิการทุกระดับ ประกอบกับการขึ้นป้ายประท้วงและขับไล่พฤติกรรมความพยายามของพระครูเล็กที่จะเข้ามาปกครองคณะสงฆ์กาฬสินธุ์ ทำให้เวลาล่วงเลยมากว่า 100 วัน ก็ยังไม่ได้รับความสนใจหรือการแก้ไขจาก มหาเถรสมาคมหรือสำนักงานพระพุทธศาสนา ถึงแม้ว่าจะมีการนำเรื่องนี้เข้าหารือในสภาผู้แทนราษฎรหลายครั้งก็ไม่ได้คำตอบจากนายกรัฐมนตรี
ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่ติดตามเพื่อให้เกิดกระบวนการแก้ไขในวันนี้ ไม่ว่าจะจากมหาเถรสมาคมหรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รวมไปถึงผู้รับผิดชอบก็คือ นายกรัฐมนตรี เหมือนจะไม่มีปากเพราะตั้งคำถามไปคำตอบที่ได้ก็จะโยนกันไปกันมาในสามส่วนนี้ สิ่งที่ต้องการของประชาชนคือต้องการความจริงใจกระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจน รวมไปถึงการแต่งตั้งพระครูเล็ก ที่ชัดแจ้งว่ายังมีคลิปเสียงคล้ายพระครูเล็กออกมาสนทนา อ้างเบื้องสูง เปิดตัวละครที่เป็นฆารวาสอยู่เบื้องหลังแต่กลับไม่มีการตรวจสอบติดตาม
“ในวันนี้คงไม่ต้องถามถึงจิตใจของชาวพุทธอีสานที่เป็นลูกศิษย์ของเจ้าคุณบัวศรี เพราะไม่มีใครยอมรับได้ ที่จะให้เกิดเหตุการทำร้าย พ่อแม่ครูอาจารย์ของตนเอง ในพื้นที่พระสายป่ากรรมฐานเป็นที่ยอมรับว่า พระสายป่านั้นคือพระสายของหลวงปู่มั่น และต้องเข้าใจว่าทุกรูปไม่สนใจในลาภยศ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วทุกรูปก็มีการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ โดยเฉพาะเจ้าคุณหลวงพ่อบัวศรี นั้น ในภาคอีสานไม่ว่าแต่ชาวพุทธเลย ในสายพระป่าก็รู้ว่าท่านมีปฎิปทาที่งดงามอย่างไร ท่านยึดมั่นในคุณธรรม ความถูกต้อง มีความพยายามทนุบำรุงพระศาสนาเกียรติประวัติที่สร้างเอาไว้มีเป็นจำนวนมาก แต่มาถูกลบด้วยมติที่ไม่เป็นธรรมแบบนี้จะมีใครยอมรับหรือรับได้”
ดร.นิยม กล่าวต่อว่า ตนจึงต้องการให้ มหาเถรสมาคมที่ตั้งใหม่เข้ามาพิสูจน์ความจริงและความเป็นธรรมให้ปรากฏไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปลดว่าใครเป็นผู้สอดไส้ และคลิปเสียงคล้ายพระครูเล็กนั้นเท็จจริงแล้วเป็นเสียงใคร และขอวิงวอน เจ้าคณะภาค9 (ธ) ให้ท่านได้ลงมาแก้ไขปัญหานี้เพราะพระสายกาฬสินธุ์ นั้นได้ขึ้นตรงต่อท่านแต่วันนี้กลับไม่มีการขยับอะไรเลย ในส่วนตัวในฐานะชาวพุทธ ยืนยันที่จะขอติดตามเรื่องนี้และปกป้องพระพุทธศาสนาด้วยชีวิต
รายงานข่าวแจ้งว่า ปัญหาการต่อต้านที่ทำให้คนกาฬสินธุ์ตื่นตัวกันทั้งจังหวัดในขณะนี้ เมื่อร้อยเรียงเรื่องราว พบว่าปัญหาความพยายามอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของ พระครูเล็ก ได้ใช้อุบายในการหาคนเพื่อจัดหาวัดอย่างไม่ลดละ จนมีข่าวลือว่า มีเจ้าหน้าที่สำนักพุทธกาฬสินธุ์ รวมไปถึง พระเลขาเจ้าคณะภาค คนหนึ่ง ชื่อ พระ(ช) หนุนหลังประสานงานดังปรากฏเหตุการณ์ที่เริ่มจาก วัดบ้านโนนศิลาเลิง มีบุคคลนิรนามที่เรียกว่า มหาประสาน ที่อ้างตนมาเป็นคนกลางที่พยายามหาวัดให้พระเล็กเข้าสังกัด โดยล๊อคเป้าเจ้าอาวาสวัดบ้านโนนศิลาเลิง ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ พร้อมกับเสนอผลประโยชน์ ว่าจะแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ และจะใช้วัดบ้านโนนศิลาเลิงเป็นสถานที่ตั้งสำหนักงานเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ แต่เมื่อญาติธรรมในพื้นที่วัดบ้านโนนศิลาเลิงทั้งหมดได้ทราบข่าวนี้ มีความเดือนเนื้อร้อนใจ เพราะบ้านโนนศิลาเลิงคือบ้านเกิดของหลวงพ่อเจ้าคุณถาวร ที่ท่านได้ล่วงลับไปแล้วและท่านหลวงพ่อเจ้าคุณถาวรมีความเคารพเลื่อมใสนับถือพระเทพสารเมธี
การเคลื่อนไหวคัดค้านจึงเกิดขึ้นโดยชาวบ้านได้ประกาศเสียงตามสายเรียกระดมคนมารวมที่วัด มีการเขียนป้ายเดินพาเหรด ติดตั้งป้ายไม่ต้อนรับพระเล็กด้านประตูทางเข้าวัดทั้งหมด ป่าวประกาศพร้อมกันด้วยเสียงอันดังกึกก้องว่า ไม่เอาพระเล็ก ไม่เอาพระเล็ก สนั่นทั้งหมู่บ้านและแสดงพลังคัดค้านการเข้ามาใช้วัดบ้านโนนศิลาเลิงของพระเล็กเพื่อบริหารคณะสงฆ์ธรรมยุตกาฬสินธุ์ทั้งยังตั้งเวรยามเฝ้าระวังสอดส่องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาดูแลภายในวัด และประกาศเน้นย้ำว่าถ้าเจ้าอาวาสวัดบ้านโนนศิลาเลิงยังคงไม่ยุติความเคลื่อนไหวชาวบ้านทั้งหมดจะนิมนต์ให้ออกจากวัดไป จึงทำให้เหตุการณ์สงบลง
จากนั้นก็มีข่าวลือต่อที่ วัดป่าเครือวัลย์ บ้านดอนวาย ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ทำให้ชาวบ้านเข้าไปขอกราบเรียนเข้าพบเจ้าอาวาสวัดป่าเครือวัลย์ เพื่อสอบถามที่มาข่าวลือ จนรู้ว่า พระเล็กได้ให้คนที่มีความสนิทชิดเชื้อกับเจ้าอาวาสเพื่อทาบทามใช้วัดป่าเครือวัลย์เป็นสถานที่ตั้งสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์และพระเล็กจะขอเข้าสังกัดวัดป่าเครือวัลย์ พร้อมหยอดยาหอมจะเสนอถวายแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดป่าเครือวัลย์ให้ดำรงสมณศักดิ์ในชั้น เทพ และที่สำคัญเพื่อให้เป็นหลักฐานว่าตนมีวัดสังกัดภายในจังหวัดกาฬสินธุ์และจะดำเนินการเข้ามาบริหารพระสงฆ์ธรรมยุตทั้งจังหวัด ระหว่างเข้าพบเจ้าอาวาสวัดป่าเครือวัลย์นั้น ได้มีบุคคลที่เรียกตัวเองว่า มหาประสาน อดีตเปรียญธรรม 6 ประโยคที่ก่อนหน้านี้ได้เข้าไปทาบท่ามเจ้าอาวาสวัดบ้านโนนศิลาเลิงถูกชาวบ้านชูป้ายขับไล่พ้นวัดมาแล้ว ได้เข้ามาพบเจ้าอาวาสวัดป่าเครือวัลย์แล้วอ้างตนเป็นผู้ได้รับการประสานงานจากเจ้าที่หน้าสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อจะใช้วัดป่าเครือวัลย์เป็นสถานที่ตั้งสำนักงาน จจ.กาฬสินธุ์ตามเจตนารมณ์ของพระเล็ก แล้วอ้างว่ามติของมส.ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ชาวบ้านต้องปฏิบัติตามมติ กระแสข่าวดังกล่าวก็หายไปกับสายลมไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
รายงานข่าวยังระบุว่าความพยามในการเข้าจังหวัดกาฬสินธุ์ของ พระเล็กยังไม่หยุดมีการใช้พระสงฆ์ที่ตนเองสนิท ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดเขตติดต่อกับจังหวัดกาฬสินธุ์ ข้ามฝากแม่น้ำชี รอยต่อกาฬสินธุ์ ไปก็จะพบวัดปริศนานี้ พระเล็กจะใช้เป็นสถานที่บัญชาการหาพระที่จะแต่งตั้งเป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ จากกรณีนี้มีพระสงฆ์ที่เป็นตัวละครลับปรากฎทราบต่อมาว่า มีการประสานไว้ 3 ทอด ด้วยสืบเนื่องถึงกันกับพระเล็กมีความสนิทกับพระอรุณ จากนั้นพระอรุณได้นำเสนอ พระรุ่ง ที่มีภูมิลำเนาเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ดด้วยกัน และแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเลือกวัดป่าแพงศรีเมือง ต.กมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ โดยให้พระรุ่งเข้ามาหาเจ้าอาวาสวัดป่าแพงศรีเมืองที่มีความชราภาพมีโรคประจำตัวโดยการประสานงานไว้ของพระอรุณ เพื่อให้เจ้าอาวาสวัดป่าแพงศรีเมืองรับพระรุ่ง เข้าเป็นพระในสังกัดพร้อมกับจะตั้งสำนักงานเลขานุการ จจ.กาฬสินธุ์ธรรมยุต เพื่อจัดการกับพระเมือง และถอดยศถอดสมณศักดิ์เจ้าคุณบัวศรีและเจ้าคุณแผน เพื่อตัดปัญหากุยทางเข้ามาบริการคณะสงฆ์จังหวัดกาฬสินธุ์
หลังจากญาติธรรมทราบข่าวนี้ มีความกังวลเป็นอย่างมาได้นัดรวมตัวกันแสดงพลังคัดค้านพระอรุณ พระรุ่งและพระเล็ก จจ.กาฬสินธุ์องค์ใหม่ทันที โดยการเขียนป้าย ชูป้าย ติดตั้งป้ายไม่ต้อนรับพระเล็กด้านหน้าประตูโขงทางเข้าวัดพร้อมกับนิมนต์พระเลขานุการวัดป่าแพงศรีเมืองที่เชื่อว่าเป็นผู้ส่งข่าวความเคลื่อนไหวของชาวบ้านให้พระเล็กและได้นิมนต์ให้ออกจากพื้นที่ไปอาศัยวัดอื่นอยู่ จากนั้นได้มีชายที่มีลักษณะคลายคลึงกับทหาร หรือตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามาสอบถามชาวบ้านว่า เป็นคนกลมาไสยจริงหรือเปล่า ทำไมไม่เคยเห็น ชาวบ้านบางส่วนที่ได้ยินคำดังกล่าว ก็กรูเข้าไปถามว่า ทำไมจะไม่ใช่คนกมลาไสย เกิดที่นี้ มาวัดนี้ตั้งแต่หัวดำจนหัวงอกหมดแล้ว ทำให้ชายที่คลายทหารและตำรวจรีบถอยหนีหายไปท่ามกลางฝูงชน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายใน 5 วัด ญาติธรรมก็ได้แบ่งเวรยามเฝ้าเจ้าอาวาสและปิดประตูทางเข้าวัดทั้งหมดมีแต่ให้รถเล็กผ่านได้เท่านั้น
จากเหตุการณ์ทั้งหมดยังมีบุคคลปริศนาที่รับไม้ต่อจากพระเล็ก คาดการณ์ว่า เป็นผู้ชักใย ประสาน หาวัด หาคน ชี้เป้า พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาฬสินธุ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อหาวัดให้พระเล็ก ตัวละครนี้มีนามย่อว่า มหา ช. ที่มีตำแหน่งเป็นถึงเลขานุการเจ้าคณะภาคที่กำกับดูแลพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นมือมืดแอบส่งข่าวความเคลื่อนไหวของ พระสังฆาธิการภายในจังหวัดกาฬสินธุ์ให้พระเล็กทราบทั้งหมด หลังจากมีการเสนอมข่าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้พระผู้ใหญ่สายธรรมยุตมีความกังวลเป็นอย่างมากกับการเคลื่อนไหวเป็นคลื่นใต้น้ำทำให้วงการสงฆ์ไม่มีความสงบขยายเป็นความแตกแยกที่ไม่สามารถประสานรอยร้าวได้หากไม่ได้รับการแก้ไข