กาฬสินธุ์งานเข้าอีกพบเด็กนักเรียนโรงเรียนมัธยมชื่อดังและโรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษาติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ราย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเร่งสอบสวนโรค
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์อำนวยการต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จ.กาฬสินธุ์ รายงานสถานการณ์โรคล่าสุดพบผู้ป่วยเพิ่มรายใหม่อีก 25 ราย แยกเป็นติดเชื้อในจังหวัด 22 ราย ในเรือนจำ 1 ราย เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง 2 ราย โดยซึ่งยอดผู้ป่วยสะสมของจังหวัดล่าสุดอยู่ที่ 9,898 ราย หายป่วยแล้ว 9,433 ราย กำลังรักษาตัว 400 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 65 ราย
ทั้งนี้ล่าสุดมีรายงานว่าสำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ได้รับรายงานว่าพบนักเรียนโรงเรียน 2 แห่งติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 ราย โดยรายแรกเป็นเด็กนักเรียนชายชั้น ม.3 อายุ 14 ปี โรงเรียนอนุกูลนารี อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ ผู้ป่วยมีภูมิลำเนาอยู่ใน ต.หลุบ อ.เมืองกาฬสินธุ์ ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 สอบสวนโรคเบื้องต้นมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับญาติที่ป่วย เดินทางมาเรียนในวันที่ 2 และวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 และหยุดเรียนตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 และเบื้องต้นพบมีกลุ่มเพื่อนนักเรียนห้องเดียวกันจำนวน 43 คน
สำหรับรายที่ 2 นั้น สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ได้รับรายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เป็นเด็กนักเรียนชายชั้น ป.2 อายุ 7 ปี โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษา โดยผลตรวจพบเชื้อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2564 โดยผู้ป่วยมีภูมิลำเนาอยู่ใน ต.หลุบ อ.เมืองกาฬสินธุ์ มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับญาติที่ป่วย แต่ไม่ได้เดินทางไปโรงเรียนตั้งแต่เปิดเทอม เนื่องจากคนในครอบครัวมีอาการ จึงกักตัวที่บ้านก่อนตรวจพบเชื้อดังกล่าว ส่วนอีก 1 ราย สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ได้รับการประสานจากสำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น ว่าเป็นเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.6 อายุ 12 ปี โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกาฬสินธุ์ ขณะนี้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนใน จ.ขอนแก่น สอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่า มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับญาติ และได้เดินทางไปโรงเรียนในวันที่ 16 และวันที่ 18 พฤศจิกายน 2564
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าช่วงบ่ายวันนี้ ทีมสอบสวนโรคสำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ได้ลงพื้นที่เข้าสอบสวนโรคในโรงเรียนทั้ง 2 แห่งแล้วและเร่งดำเนินการสอบสวนโรคในพื้นที่ภูมิลำเนา เพื่อที่จะติดตามกลุ่มเสี่ยงต่อไป
