ชัยภูมิ(ชมคลิป)คุณป้าโร่แจ้งความถูกแอบดูดเงินฝากจากบัญชีธนาคารหายหลายล้านเชื่อเกลือเป็นหนอน


เมื่อวันที่ 24ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.ชัยภูมิ ขณะนี้พบว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพล้วงข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าธนาคารฯนำไปผูกเข้ากับบัตรเครดิต-บัตรเดบิต แล้วแอบโอนถอนเงินในบัญชีธนาคารฯผ่านโทรศัพท์มือถือไปยังอีกธนาคารฯก่อนนำเงินไปลงทุนต่างๆ โดยมีประชาชนหลายรายถูกแอบถอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร จำนวนหลายครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิมีผู้เสียหายรุดเข้าแจ้งความที่สภ.เมืองชัยภูมิแล้วหลายรายมูลค่าความเสียหายนับ10ล้านบาท
ล่าสุดนางกำไล ดันชัยภูมิ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่2 บ้านวังกำแพง ต.ชีบน อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ พี่สาวและนางนรินทร์ จันทร์ชัยภูมิ อายุ 36 ปีหลานสาว ได้เดินทางไปแจ้งความหลังได้รับการมอบอำนาจากนางสาวฝ้าย นามหนองอ้อ พีเตอร์สัน อายุ 56ปี น้องสาว อยู่บ้านเลขที่ 6/2 หมู่2 หมู่ ต.ชีบน อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ปัจจุบันได้เดินทางไอยู่กับสามีที่ประเทศเยอรมันและโอนเงินมาเข้าบัญชีธนาคารเพื่อเก็บไว้ใช้จ่ายในช่วงที่เดินทางกลับมาบ้านเกิดแต่เนื่องจากช่วงนี้เกิดโรคโควิด ระบาด จึงไม่สามารถเดินทางกลับบ้านเกิดได้ จึงโทรศัพท์ให้นางกำไล ดันชัยภูมิ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่2 บ้านวังกำแพง ต.ชีบน อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ พี่สาวและนางนรินทร์ จันทร์ชัยภูมิ อายุ 36 ปีหลานสาว ได้นำบัญชีธนาคารฯที่อยู่ภายในตู้เซฟนิรภัยภายในบ้านนำมาทำการปรับสมุดตรวจสอบยอดเงินฝากดูถึงกับเข่าอ่อนพบว่าเงินในบัญชีที่ฝากไว้1,800,000กว่าบาท ได้ถูกแก๊งมิจฉาชีพแอบถอนออกไปตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 64 จำนวน 300,000 บาท วันที่ 9 ตุลาคม 64 ถูก ถอนไปจำนวน 3 ครั้งอีก 1,160,000 บาท และวันที่ 10 ตุลาคม 64 แอบถอนไปอีก 800,000 บาท พบว่ามีเงินคงเหลือในบัญชีเพียง 3,700 บาทเท่านั้น เมื่อทวงถามไปยังธนาคารฯกลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ความรวมมือ จึงขอดูสเตทเม้นท์การทำธุรกรรม แต่ก็ไม่ได้รับความรวมมือ จึงนำหลักฐาน พร้อมกับนำสมุดบัญชีธนาคาร ทั้ง 1 เล่ม รุดมาแจ้งความกับตำรวจ ให้ดำเนินคดีหาตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีดังกล่าว ซึ่งเชื้อว่าคนร้ายที่แอบทำธุรกรรมโอนเงินไปรายนี้ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารฯที่ดูแลบัญชีดังกล่าวแน่นอนจึงรุดเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเร่งดำเนินคดีกับกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว
ในเบื้องต้นทราบว่ามีผู้เสียหายที่เป็นผู้สูงอายุและประชาชนที่อยู่เมืองนอก ที่นำเงินไปฝากธนาคารฯแล้วไม่มีการฝากถอนเดินเงินทำธุรกรรมเลย ถูกดูดเงินฝากจากบัญชีธนาคารฯหายไป จำนวนหลายรายมูลค่าความเสียหายกว่า10ล้านบาท ซึ่งเมื่อดูจากพฤติกรรมการถอนเงินพบว่า คนร้าย ทยอยลักลอบโอนเงินผ่านสมุดบัญชีธนาคารฯของผู้เสียหายไปยังอีกธนาคารฯในพื้นที่เดียวกันโดยที่เจ้าของบัญชีไม่รู้เรื่องเลย จนเงินหมดบัญชีเหลือไว้ให้ดูต่างหน้าเพียงไม่กี่1,000 บาท
ด้านร.ต.ท.พัชรพล อาจกมล ร้อยเวร สภ.เมืองชัยภูมิ กล่าวว่าจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพผู้ต้องหารายนี้หน้าจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารฯที่รู้ความเคลื่อนไหวในการทำธุระกรรมการเงินของลูกค้าและรู้หมายเลขบัตรประชาชนของลูกค้าทุกคนแล้วทำการดำเนินการนำไปเปิดบัตรเครดิต-บัตรเดบิต แล้วแอบถอนเงินทางโทรศัพท์โยกย้ายเงินในบัญชีลูกค้าไปยังอีกธนาคารฯหนึ่งในตัว จ.ชัยภูมิ แล้วนำเงินไปลงทุน ซึ่งจากการตรวจสอบขณะนี้พบว่าในเมืองชัยภูมิมีผู้เสียหายที่เป็นชาวบ้านผู้สูงอายุที่ถูกกระทำการดังกล่าวไปแล้วกว่า 4ราย ยอดเงินสูงกว่า10ล้านบาทเลยที่เดียวการกระทำดังกล่าวนอกจากจะเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนแล้ว ยังเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป

วิรัตน์ ดวงแก้ว จ.ชัยภูมิ