19 ตุลาคม 2564 เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจสื
บสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
3 กองบัญชาการตำรวจสื
บสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
(บช.สอท.) นายทรงฤทธิ์ แก้วพรม พร้อมด้วย นางสาวธันยกานต์ ใจบุญ สองสามีภรรยาซึ่งเป็นข้
าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่
งในจังหวัดขอนแก่น และนางสาวศิริพร แซ่ซิ้ม ชาวอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น นำหลักฐานเป็นสำเนาใบแจ้
งความความลงบันทึกประจำวันที่
รวบรวมได้จากผู้เสียหายรายอื่นๆ จำนวน 11 แผ่น , ภาพหน้าโปรไฟล์เฟซบุ๊คที่ถูกมิ
จฉาชีพนำเอาภาพไปสร้างเฟซบุ๊
คปลอม กว่า 30 บัญชี, หลักฐานการสนทนาทางเฟซบุ๊ค และรายชื่อของผู้เสียหายที่ถู
กหลอกซื้อสินค้าออนไลน์กว่า 100 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.สมพงษ์ บัวหอม สารวัตรสอบสวน กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสื
บสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
3 หลังถูกมิจฉาชีพ นำเอาภาพโปรไฟล์ และภาพถ่ายอื่นๆ ในเฟซบุ๊ค รวมทั้งข้อมูลส่วนตัวไปสร้
างเฟซบุ๊คขึ้นมาใหม่ แล้วนำไปหลอกขายสินค้
าทางออนไลน์ แต่เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้
แล้ว กลับไม่ได้รับสินค้า ทำให้ผู้เสียหายที่มีอยู่กว่า 500 คนทั่วประเทศ เข้าแจ้งความเอาผิดกับมิจฉาชี
พรายนี้ โดยเข้าใจว่า ผู้ที่หลอกขายสินค้านั้น คือ นายทรงฤทธิ์ฯ และนางสาวธันยกานต์ฯ ซึ่งทั้งคู่รับราชการครูอยู่ที่
จังหวัดขอนแก่น และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกั
บการซื้อขายสินค้าออนไลน์ใดๆ ทั้งสิ้น
นายทรงฤทธิ์ ผู้ถูกแอบอ้าง เปิดเผยว่า เป็นเวลากว่า 2 ปี แล้ว ที่มิจฉาชีพรายนี้ ได้นำเอาภาพโปรไฟล์และข้อมูลของนางสาวธันยกานต์ ภรรยา ไปสร้างเฟซบุ๊คแล้วหลอกขายสินค้าให้กับเหยื่อที่หลงเชื่อทางเฟซบุ๊ค โดยสร้างเฟซบุ๊คขึ้นมาใหม่มากกว่า 30 บัญชี โดยทุกบัญชีภาพโปรไฟล์ที่ใช้คือภาพของนางสาวธันยกานต์ และชื่อเฟซบุ๊คที่ใช้จะมีลักษณะคล้ายกัน เช่น คุณครู เปิ้ล, คุณครู ชนบท และชนบท คุณครู เป็นต้น โดยมิจฉาชีพรายนี้จะสร้างความน่าเชื่อถือโดยการเข้ามาโหลดเอาภาพและข้อมูลที่นางสาวธันยกานต์ โพสต์ในเฟซบุ๊คที่เปิดเป็นแบบสาธารณะ ไปโพสต์ในเฟซบุ๊คปลอมที่สร้างขึ้นมา ทำให้มีเหยื่อหลงเชื่อตัดสินใจซื้อขายสินค้ากับมิจฉาชีพรายนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภท ชุดเครื่องนอน และจักรยานไฟฟ้า มีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาท โดยการซื้อขายจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ซึ่งมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 30 บัญชี ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่า ทางธนาคารฯ เปิดบัญชีให้กับคนๆนี้จำนวนมากได้อย่างไร แต่ชื่อเจ้าของบัญชีคือคนๆ เดียว ทราบชื่อคือ “นางสาวพัชริดา กิจบุญศรี” เมื่อผู้เสียหายโอนเงินค่าสินค้าให้แล้ว ก็จะบล็อกเหยื่อไม่ให้ติดต่อได้ทันที
นายทรงฤทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้ที่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อทั่วประเทศ ผู้เสียหายมีการตั้งกลุ่มเฟซบุ๊คขึ้นมาเพื่อตามล่าตัวนางสาวพัชริดาฯ ซึ่งทุกคนเข้าใจว่าเป็นนางสาวนางสาวธันยกานต์ ภรรยาของตนเอง มีการนำภาพของภรรยาไปโพสต์ประจาน ทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก มีการโทรศัพท์มาด่าทอว่าเป็นคนโกง หนักสุดถึงขั้นตนเองและภรรยาถูกตั้งค่าหัวข่มขู่เอาชีวิตก็มี ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ตนเองและภรรยาต้องอยู่อย่างหวาดระแวงว่าจะมีคนเข้าใจผิดมาทำร้าย และต้องคอยรับโทรศัพท์คนที่โทรมาด่าทอเพราะเข้าใจผิดวัน ยิ่งรับราชการครูด้วยแล้วยิ่งทำให้เกิดความเสียหาย และขณะนี้ตนเองก็ทำธุรกิจรีสอร์ต ภูผาม่าน โฮมสเตย์ด้วย ก็ยิ่งกระทบกับธุกิจ เพราะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนโกง จึงได้มาขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ผบก.สอท.3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ช่วยติดตามจับกุมตัวมิจฉาชีพรายนี้มาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะจนถึงขณะนี้มิจฉาชีพรายนี้ก็ยังแอบอ้างว่าเป็นภรรยาตนเอง ไปหลอกขายสินค้าให้กับเหยื่อรายอื่นๆ อยู่ ซึ่งจากที่ตนเองได้รวบรวมรายชื่อผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายแล้วนั้น มีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท
ด้านนางสาวศิริพร หนึ่งในผู้เสียหายชาวอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งตกเป็นเหยื่อถูกหลอกขายสินค้า กล่าวว่า ตนเองก็ประกอบอาชีพขายสินค้าออนไลน์อยู่แล้ว จึงได้ค้นหากลุ่มซื้อขายสินค้าออนไลน์ เพื่อหาสินค้าที่จะสามารถนำมาขายเพื่อเก็งกำไรได้ เพราะต้องการหาเงินไว้เป็นค่าพยาบาลในการคลอดลูก จึงได้ไปพบกับเฟซบุ๊คชื่อ “คุณครู ชนบท” ที่มีการลงขายชุดผ้านวม เมื่อเข้าไปดูโปรไฟล์และความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊ค ก็เห็นว่าน่าเชื่อถือ เป็นข้าราชการครู จึงได้ทักแชทไปสอบถาม ซึ่งก็มีการพูดจาดี รวมทั้งได้นำชื่อเฟซบุ๊ค ไปค้นหาประวัติ ก็ไม่พบว่า มีการฉ้อโกง จึงตัดสินใจเลือกซื้อชุดผ้านวมที่ต้องการ โดยได้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลขอนแก่น โดยเจ้าของบัญชีชื่อ “พัชริดา กิจบุญศรี” โดยโอนครั้งแรกในวันที่ 13 ตุลาคม 64 จำนวน 1,200 บาท และวันที่ 14 ตุลาคม 64 อีกจำนวน 580 บาท รวมเป็นเงิน 1,780 บาท ซึ่งเจ้าของเฟซบุ๊คบอกว่า จะส่งสินค้าให้วันนี้ ต่อมาตนเองจึงได้ขอเลขพัสดุ แต่กลับถูกบล๊อคเฟซบุ๊คทันที ทำให้ตนเองรู้ว่าถูกหลอกแน่นอน จึงได้พยายามสืบค้นหาว่า ผู้หญิงที่อยู่ในภาพเฟซบุ๊คเป็นใคร กระทั้งมาทราบภายหลังว่า มิจฉาชีพได้นำภาพและข้อมูลไปแอบอ้าง
นางสาวศิริพร กล่าวอีกว่า แม้จำนวนเงินที่ตนเองโอนไปจะไม่มาก แต่ก็เป็นเงินที่ตั้งใจนำมาลงทุนเพื่อเก็บไว้เป็นเงินค่าพยาบาลในการคลอดลูก แต่กลับถูกมิจฉาชีพโกงไป และหากนับจำนวนเงินที่ผู้เสียหายสูญไปนั้นก็ไม่ต่ำกว่าล้านบาท จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฯ เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อทั่วประเทศ และมิจฉาชีพรายนี้ก็ยังคงใช้วิธีนี้หลอกเหยื่อจนถึงวันนี้