ศรีสะเกษ(ชมคลิป)นอภ.ศิลาลาด รุดตรวจสอบ “องค์สุริยา” สุดเพี้ยน! อ้างตนบรรลุธรรม เป็นพระศาสดาองค์ใหม่


เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่บ้านเลขที่ 82 หมู่ที่ 2 บ้านโนนสมบูรณ์ ต.หนองบัวดง อ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ นายกองตรี ไตรรัตน์ เครือบุดดีมหาโชค นายอำเภอศิลาลาด พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผอ.รพ.สต.หนองบัวดง เจ้าหน้าที่ อบต.หนองบัวดง และคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีชายวันกลางคนแต่งกายนุ่งขาวห่มขาว อ้างตนบรรลุธรรม ขั้นที่ 4 เป็นพระศาสดาองค์ใหม่ นิมิตเห็นแสงสว่างเป็นวงกลมรอบศีรษะ พร้อมตั้งตนเป็น “องค์สุริยา” พร้อมมีการเผยแพร่ภาพนั่งสมาธิผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว และ Tik Tok จนกระทั่งโด่งดังไปทั่วประเทศ
จากการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว เป็นไม้ปูนชั้นเดียว พบ นายสุริยา สภานุภาพ หรือองค์สุริยา อายุ 49 ปี นุ่งกางเกงสีน้ำเงินคลุมลำตัวด้วยผ้าขาว กำลังปักกรดนั่งสมาธิอยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว ซึ่งภายในบ้านมีสภาพรกรุงรัง และมีรูปภาพนายสุริยา นั่งสมาธิพร้อมยกมือขวาแสดงท่าทางคล้ายพระพุทธรูป ติดบนผนังทั้งภายนอกและภายในบ้าน
นายสุริยา เล่าว่า ตนศึกษาและเรียนรู้การนั่งสมาธิมานานกว่า 20 ปี แล้ว ตนเพียงเพื่อมาเผยแพร่การฝึกเรียนการนั่งสมาธิ เจริญจิตภาวนา ให้บรรลุธรรม ตามขั้น ตามลำดับ ซึ่งไม่มีเจตนาจะตั้งศาสดาหรือศาสนาใหม่แต่อย่างใด ตนยังคงนับถือศาสนาพุทธ ส่วนกรณีที่เป็นข่าวจนกระทั่งโด่งดังในขณะนี้นั้น ตนไม่ทราบมาก่อน เพราะไม่ได้ติดตามข่าว ตนเพียงถ่ายรูปและคลิปเผยแพร่ในสื่อโซเชี่ยลในเฟซบุ๊กส่วนตัวเท่านั้น และไม่ได้มีการเรียกเก็บเงินหรือขอเรี่ยไรเงินจากใครทั้งสิ้น เพียงแต่อยากสอนให้ทุกคนรู้วิธีการนั่งสมาธิที่ถูกต้อง และทำอย่างไรให้บรรลุเช่นเดียวกับตนเท่านั้น
ด้าน นายกองตรี ไตรรัตน์ เครือบุดดีมหาโชค นายอำเภอศิลาลาด กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทราบว่า นายสุริยา เคยทำงานรับจ้างและค้าขายถุงพลาสติกในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลมาก่อนหน้านี้ และได้กลับมาอยู่ที่บ้านเกิดเมื่อหลายปีก่อน โดยอยู่บ้านคนละหลังกับพ่อแม่ ซึ่งแก่ชรา การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ทำขึ้นเองและคิดขึ้นเอง ไม่มีเจตตาหลอกหลวงหรือกระทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด
ชาวบ้านเห็นพฤติกรรมลักษณะนี้มานานแล้ว เป็นคนที่ค่อยข้างพูดจาเรียบร้อย พูดคุยรู้เรื่อง ไม่มีพิษมีภัยกับใคร ไม่เคยทำร้ายใคร เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเพียงลำพังคนเดียว เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ถึงแม้จะผิดเพี้ยนเกินจริงไปบ้าง แต่ก็ไม่มีพฤติกรรมที่ทำให้คนในชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียงไก้รับความเดือดร้อน ประกอบกับไม่ค่อยมีใครเข้าออกหรือมาทำกิจกรรมที่บ้านหลังดังกล่าวอยู่แล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เกิดจากการกระทำเพียงฝ่ายเดียว และคิดเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่ตนก็ได้แจ้งเตือนให้ระมัดระวังมากกว่านี้ เกรงว่าจะเกิดการต้มตุ๋นหลอกลวง ให้ระมัดระวังให้มากขึ้น ต้องมีสติ อย่าไปงมงาย เพราะว่า ศาสดาต้องอยู่กับศาสนาพุทธที่เรานับถือ.

พิสิษฐ์ สิริวิริยะธนา ศรีสะเกษ //รายงาน