มุกดาหาร – นายอำเภอหนองสูง เข้าแจ้งความดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืน พรบ.โรคติดต่อ 2 ราย


มุกดาหาร – นายอำเภอหนองสูง เข้าแจ้งความดำเนินคดี กับชายที่เดินทางมาจากจังหวัดปทุมธานี โดยปกปิดข้อมูล จนทำให้มารดาติดเชื้อโควิด-19 ในข้อหา ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 64 นายปิติณัช นิธิศธานี นายอำเภอหนองสูง ได้มอบหมายให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคต่อ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอหนองสูง เข้าแจ้งความดำเนินคดี กับชายเดินทางมาจากจังหวัดปทุมธานี โดยปกปิดข้อมูล จนทำให้มารดาติดเชื้อโควิด-19 โดยมี พ.ต.อ.จตุรงค์ กลิ่นศรีสุข ผกก.สภ.หนองสูง รับเรื่องแจ้งความดำเนินคดี
สืบเนื่องจากอำเภอหนองสูง พบผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) เป็นรายที่ 5 – 6 เป็นเหตุให้ต้อง สอบสวนประวัติผู้สัมผัสใกล้ชิด ดำเนินการตรวจหาเชื้อ โควิด-19 จำนวน 162 ราย ทำความสะอาดสถานที่ และต้องเลื่อนกิจกรรมที่รวมตัวของคนหมู่มากทุกกิจกรรม เช่น จัดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์, ฟุตบอลหนองสูงคัพ, งานวางศิลาฤกษ์พระอุปคุต, งานชิม ช้อป ใช้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลหนองสูงติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) จากการให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยรายที่ 5 ซึ่งได้ปกปิดข้อมูลความเสี่ยงโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และสาธารณสุข บุคลากรทางการศึกษา ต้องแยกกัก กักกันหลายคน และต้องเลื่อนบริการฉีดวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) ปิดคลินิคบริการในโรงพยาบาลหนองสูง ปิดโรงเรียนทุกแห่งในอำเภอหนองสูง ปิดตลาดสด และตลาดนัดวันศุกร์ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจภาพรวมเป็นอย่างมาก จากเหตุการณ์ดังกล่าว ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอหนองสูง ได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ และ Timeline สอบสวนโรค จึงขอให้ดำเนินคดีกับคณะบุคคล ดังต่อไปนี้ แม่ อายุ 54 ปี อาชีพเสริมสวย พักที่ห้องแถวตลาดสดอำเภอหนองสูง หมู่ที่ 4 ตำบลหนองสูงเหนือ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร
ตามพฤติการณ์ซึ่งเป็นเจ้าบ้านหรือผู้ควบคุมดูแลบ้าน ที่รู้ว่าลูกชายเป็นผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาคของติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) หรือ ศบค. กำหนดพื้นที่สถานการณ์เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) และเป็นผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่อให้เจ้าบ้านหรือผู้ควบคุมดูแลบ้าน ต้องแจ้งข้อมูลต่อพนักงานควบคุมโรคคิดต่อ ผู้นำชุมชน และอาสาสมัครสาธารณสุข เพื่อลงทะเบียน คัดกรอง และสอบสวนโรค รวมทั้งการพิจารณาตรวจหาเชื้อโรคโควิด – 19 ตามแนวทางที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดมุกดาหาร กำหนดซึ่งมีความผิดตามความในมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 31 (1) พร้อมลูกชาย อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายและพักอาศัยที่บ้านเลขที่หลังเดียวกัน ตามพฤติการณ์ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาคของติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กำหนดพื้นที่สถานการณ์เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) โดยไม่รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ นับตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย. 2564 ที่เดินทางเข้าพื้นที่อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร
ซึ่งเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2564 ผลการตรวจยืนยันว่าเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ผู้ใกล้ชิด ครอบครัว ชุมชน บุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ต้องกักตัว สูญเสียกำลังพลทางการแพทย์และพยาบาล เนื่องจากมีโอกาสติดเชื้อและได้สร้างความวิดกกังวล ต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่อย่างปกติสุขแก่ชุมชนและต่อบุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ประกอบกับ ข้อ 1 ประกาศจังหวัดมุกดาหาร เรื่อง มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) จังหวัดมุกดาหาร (ฉบับที่ 58 ) ลงวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2564
ในการนี้ ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอหนองสูง (ศปก.) มอบหมายให้ นายสุจินดา สุวรรณไตรย์ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอหนองสูง เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษแทนนายอำเภอหนองสูง และนายมีนา เมืองโคตร ปลัดอำเภอหนองสูง หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ขอให้ดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อ
พ.ต.อ.จตุรงค์ กลิ่นศรีสุข ผกก.สภ.หนองสูง กล่าวว่า สำหรับผู้ที่มาจากกรุงเทพมหานคร หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ให้มารายงานตัวกับ อสม. เพื่อจะได้กักตัว เพื่อให้หยุดการแพร่ระบาดของโควิด ถ้าละเมิดฝ่าฝืนทางราชการต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เตือนไปแล้วขอให้ช่วยกัน อย่าให้มีการแพร่ระบาดและมีความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมั่วสุมดื่มสุรา หรือการจับกลุ่มในสาธารณะต่าง ๆ ขอให้หลีกเลี่ยง ถ้าไม่จำเป็นจริง ขอให้ทุกคนป้องกันตนเองโดยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ และรักษาระยะห่าง

อนุศักดิ์ – เสาวภา แสนวิเศษ // มุกดาหาร