ขอนแก่น(ชมคลิป)สั่งปิดโรงเรียนทั้งจังหวัดครึ่งเดือน หลังพบไวรัสระบาดหนักในเด็ก

คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่น ใช้เวลาประชุมกว่า 5 ชั่วโมง ก่อนจะปรับเป็นจังหวัดพื้นที่เฝ้าระวัง หลังพบกระแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่งมีผล1 ก.ค.นี้ และให้เปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 รองรับผู้ติดเชื้อ

ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมคณะกรรมการคุมโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่น หอการค้าจังหวัดขอนแก่น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ได้ร่วมประชุมด่วน หลังจากที่จังหวัดขอนแก่น พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนมาก และมีแนวโน้มจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่อง หลังจากที่กลุ่มแรงงานก่อสร้างในจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้เดินทางกลับภูมิลำเนา จนทำให้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อเนื่อง โดยที่ประชุมได้ใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง จึงได้ข้อสรุป ซึ่งจังหวัดขอนแก่นได้ปรับเป็นจังหวัดในการเฝ้าระวัง และข้อห้ามต่าง ๆ

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า หลังจากที่จังหวัดพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ต่อเนื่อง ทำให้จังหวัดขอนแก่นต้องเปลี่ยนจากพื้นที่เฝ้าระวัง เปลี่ยนเป็นพื้นที่ควบคุม จะทำให้กิจกรรมที่ได้มีการผ่อนคลายจะต้องกลับมาเข้มงวดมากขึ้น ตามคำสั่งของ ศบค. ได้กำหนดพื้นที่เอาไว้ โดยกิจกรรมที่รวมคนจำนวนมากจะทำได้ไม่เกิน 150 คน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 64 เป็นต้นไป ส่วนร้านอาหารที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะห้ามจำหน่ายโดยเด็ดขาด มีผลตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 64

นอกจากนี้ยังได้ให้มีคำสั่งปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลายของทุกสังกัด ในระหว่างวันที่ 1-16 ก.ค. 64 สำหรับสถานศึกษาอื่นๆ ให้ขึ้นอยู่กับ ผู้บริหารสถานศึกษานั้นๆ พร้อมทั้งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น เป็นศูนย์บริหารจัดการเตียง โดยประชาชนที่เดินทางมาจากจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จะต้องติดต่อที่สำนักงานสาธารณะสุขจังหวัดขอนแก่น หรือสาธารณสุขอำเภอเท่านั้น สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นเตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 พุทธมณฑล ในวันที่ 2 ก.ค. 64 นี้ พร้อมทั้งกำหนดให้วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดขอนแก่น เป็นศูนย์เฝ้าดูอาการ ส่วนหน่วยงานต่างๆ ที่มีขอจัดกิจกรรมทางจังหวัดจะมีหนังสือถามว่าจะมีการจัดกรรมอีกหรือไม่ แต่จะต้องมีมาตรการ ในการป้องกันที่เข้มข้นตามหลักของสาธารณสุข.