เมื่อเวลา09.00น.วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ที่โรงเรียนเทศบาล2 ตำบลหมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี เจ้าหน้าสำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด19 ในทางเดินหายใจ (RT-PCR) หรือ Swab เชิงรุก จำนวน7 วัน หลังจากพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ อินเดีย จำนวน4 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก1 ราย เพศชาย วัย 57 ปี ชาวจตำบลนองนาคำ รวมผู้เสียชีวิตสะสม จำนวน 4 ราย โดยวันนี้เป็นวันแรก เป็นข้าราชการตำรวจ สังกัดสภ.เมืองอุดรธานี ที่เป็นด่านหน้าให้บริการประชาชน โดยในวันถนัดไป ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ของสำนักงานต่างๆ ภาครัฐ และข้าราชการครูในสังกัด เทศบาลนครอุดรธานี ก่อนที่จะมีการเปิดเทอม ในวันที่14 มิ.ย. ที่จะถึงนี้
ต่อมา เวลา 14.00 น. นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี นายอุเทน หาแก้ว รองนายแพทย์สาธารณสุข (สสจ.)อุดรธานี นพ.สุมน ตั้งสุนทรนิวัฒน์ รอง ผอ.รพ.ศูนย์อุดรธานี และพญ.พัชริดา กลิ่นพะยอม อายุรแพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 จ.อุดรธานี ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ผ่านโปรแกรมซูมเพื่อเว้นระยะห่าง พบผู้ชื้อเพิ่มขึ้นเพียง 2 คน สะสม 418 ราย หายกลับบ้าน 488 ราย รักษาตัวอยู่ 66 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวม 4 ราย และรับรายงานผู้ติดเชื้อรายเดิม 4 ราย เป็นสายพันธุ์อินเดีย
นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี กล่าวว่า อุดรฯยังพบผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 10 ราย ต่อเนื่อง 1 เดือนแล้ว ทุกรายจะหาที่มาที่ไปเชื้อ เพื่อตามหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง รวมทั้งการค้นหาผู้มาจากพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าตรวจเชื้อและกักตัว 14 วัน ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีน ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยเรื้อรัง 7 โรค ที่ลงทะเบียนไว้กับ “หมอพร้อม” ยังคงไปฉีดวัคซีนตามนัดเดิม และเริ่ม 7 มิ.ย.นี้ โดยยังจะไม่มีลงทะเบียนเพิ่ม เพราะจำนวนผู้ลงทะเบียนมีมากแล้วเกรงจะสับสน โดยแพรตฟอร์มใหม่ของอุดรฯ จะเลื่อนการใช้งานออกไป ทั้งนี้เป้าหมายการฉีดวัคซีน ได้เพิ่มกลุ่มครูที่จะเปิดสอน 14 มิ.ย.นี้ และกลุ่มธุรกิจพบคนหมู่มาก โดยมีคณะกรรมการฯพิจารณา
พญ.พัชริดา กลิ่นพะยอม อายุรแพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชาย อายุ 58 ปี เป็นผู้ป่วยเบาหวาน-วัณโรคเรื้อรัง-และติดเตียง มารับการรักษาวันแรก ส่งเข้าห้อง ไอซียู.ทันที รักษาตัวอยู่รวม 21 วัน เสียชีวิตเพราะเลือดเป็นกรด และความดันต่ำ ขณะที่ผู้ป่วยอาการวิกฤติเพิ่มขึ้นจาก 8 รายสัปดาห์ก่อนเป็น 10 ราย โดย 2 รายมีอาการวิกฤติมาก อีก 8 ราย อาการทรงตัว โดยทั้งหมดมีอายุ มากกว่า 50 ปี เท่ากับว่าไม่ใช่ผู้อายุมากกว่า 60 ปีเสี่ยงสูง แต่ผู้อายุมากกว่า 50 ปีก็เสี่ยงสูงเช่นกัน
นพ.สุมน ตั้งสุนทรนิวัฒน์ รอง ผอ.รพ.ศูนย์อุดรธานี กล่าวว่า ตามที่สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการเผยแพร่ เอกสารความเห็นของบุคลากรทางการแพทย์ กรณีการเสียชีวิตของชาย อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นความเห็นบางส่วน อาจจะส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิด จึง รพ.ศูนย์อุดรธานี ขอชี้แจงว่า ชายคนดังกล่าว มีประวัติสูบบุหรี่จัด และมีน้ำหนักมาก เข้ารับการฉีดวัคซีนพร้อมภรรยา 22 พค.64 ต่อมา 29 พ.ค.64 มีอาการแน่นหน้าอก ไปพบแพทย์ รพะ.เอกชน ผลตรวจปกติแพทย์ให้กลับบ้าน กลางคืนยังมีอาการและทรุดลง วันต่อมาน้ำส่ง รพ.ศูนย์อุดรธานี และเสียชีวิต จากกล้ามเนื้อตายเฉียบพลัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน ภรรยาและบุตรไม่ติดใจ
นายอุเทน หาแก้ว รอง สสจ.อุดรธานี กล่าวว่า ช่วงวันหยุดที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อ ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง อาทิ กรุงเทพฯ-นนทบุรี-และสมุทรปราการ ที่เกี่ยวข้องกับแคมป์คนงาน , การติดเชื้อภายในจากผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เคสงานเลี้ยงสหกรณ์ครูอีก 2 ราย สะสม 6 และเคสร้านนวดแผนไทยที่หนองประจักษ์ฯ พบผู้ติดชื่อเพิ่ม 1 ราย สะสม 3 ราย , บุคลากรทางการแพทย์ฯติดเป็นรายที่ 17 เป็นพยาบาลในห้อง ไอซียู. ติดจากผู้ป่วยมารับการรักษา แพร่ไปติดกับผู้ป่วยอีกราย
อุดรฯได้ส่งตรวจเชื้อผู้ป่วยบางรายได้รับยืนยันเป็นสายพันธุ์อินเดีย 4 ราย คือ รายแรก หญิง อายุ 24 ปี ทำงานที่เขตปทุมวัน กทม. แต่พักอยู่หลักสี่ เดินทางกลับ อ.โนนสะอาด อุดรฯ 11 พ.ค.64 ตรวจพบเชื้อ 14 พ.ค.64 มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 8 ราย ตรวจครั้งแรกไม่พบเชื้อ รอผลการตรวจรอบสอง , รายที่สอง หญิง อายุ 26 ปี ช่างเหล็กอยู่หลักสี่ กทม. พักอยู่บางบอน งานไม่มีเดินทางกลับ อ.กุดจับ อุดรฯ 13 พ.ค.64 ไปกักตัวเองอยู่ที่สวนยาง 15 พ.ค.64 ตรวจพบเชื้อ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 1 ราย ตรวจ 2 ครั้งไม่พบเชื้อ
รายที่สาม หญิง อายุ 13 ปี ไปอยู่กับพ่อแม่ที่วังทองหลาง กทม. กลับบ้านที่ อ.กุดจับ อุดรฯ 9 พ.ค.64 ตรวจพบเชื้อ 15 พ.ค.64 สัมผัสเสี่ยงสูง 10 ราย ตรวจรอบแรกพบ “ตา” ติดเชื้อ 1 ราย ตรวจรอบที่ 2 ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มท และส่วนยายและผู้สัมผัสเสียงสูงอื่น รอผลการตรวจรอบสาม 1 ราย และรายที่สี่ ชาย อายุ 53 ปี ผู้รับเหมารายย่อยย่านหลักสี่ กทม.เดินทางกลับบ้าน อ.กุมภวาปี อุดรฯ 11 พ.ค.64 ตรวจพบติดเชื้อ 22 พ.ค.64 ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 ราย ตรวจสองรอบไม่พบ และรอผลรอบที่สาม โดยสายพันธุ์อินเดียแพร่เชื้อเร็ว และรุนแรงใกล้เคียงสายพันธุ์อังกฤษ ซึ่งทั้ง 4 รายอาการไม่รุนแรง ได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง