เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 พ.ค. 64 พ.ต.อ.ธนาวัชร ดีบุญมี ณ ชุมแพ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น โฆษกตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.พัฒนศักด์ ยี่สารพัฒน์ ผกก.สภ.น้ำพอง พ.ต.ท.สามารถ พิมพ์ดีด สว.สส. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น นำตัวนายสมชัย หรือก๊อป สุกัณหา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ที่ 14 ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังก่อเหตุลักเครื่องขยายเสียงที่ศาลาประชาคมหมู่ 9 บ้านคำบง ต.สะอาด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เมื่อคืนวันที่ 23 พฤษภาคม 2564 ท่ามกลางชาวบ้านที่เข้ามาดูเหตุการณ์โดยไม่มีความวุ่นวายประการใด พร้อมทั้งมอบกระเช้าดอกไม้เป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ในครั้งนี้
ซึ่พนักงานสอบสวนได้นายสมชัย ซึ่งแสดงพฤติกรรมในการเข้าไปลักเครื่องขยายเสียงโดยเริ่มจากการใช้คีมตัดเหล็กขนาดใหญ่ไปตัดสายยูที่คล้องกุญแจให้ขาด ก่อนที่จะเข้าไปเลือกรุ่น หรือขนาด เครื่องขยายเสียงที่เป็นที่สนใจของลูกค้า เสร็จแล้วนำบรรจุในถุงดำ ก่อนที่จะยกมาไว้บนรถจักรยานยนต์ ขับหนีกลับยังบ้านพักซึ่งห่างจากสถานเกิดเหตุประมาณ 100 กิโลเมตร
สำหรับ พฤติกรรมในการก่อเหตุในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากในช่วงปลายปี 2563 ต่อเนื่องปี 2564 ได้มีเหตุคนร้ายลักทรัพย์เครื่องขยายเสียง ตามหอกระจายข่าวในเขตหมู่บ้าน ของ อ.น้ำพอง จำนวน 14 ครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น จึงได้ประสานไปยังท้องที่ ใกล้เคียงเขต จ.ขอนแก่น จ.มหาสารคาม จ.กาฬสินธุ์ และ จ.ร้อยเอ็ด ทราบว่ามีคนร้ายไปทำการลักทรัพย์เครื่องเสียง หลายท้องที่เช่นกัน จึงได้สืบสวนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และต่อมาเช้าวันที่ 23 พ.ค.2564 ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านบ้านคำบง หมู่ 9 ต.สะอาด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ว่าได้มีคนร้ายมาทำการลักทรัพย์เครื่องขยายเสียง
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง ทราบว่าบุคคลที่ต้องสงสัยคือนายก๊อป ซึ่งได้สืบทราบมาก่อนหน้านี้ว่านายก๊อป มีพฤติการณ์ ลักทรัพย์เครื่องขยายเสียง และมีเครื่องเสียงให้คนเช่า อยู่ในพื้นที่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบบ้านเลขที่ 8 หมู่ 21 บ้านโคกก่อง ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พบนายสมชัยหรือก๊อป สุกัณหา อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว จึงได้สอบถามเกี่ยวกับเครื่องขยายเสียงและได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่ตรวจสอบให้ดู ให้การรับว่าเป็นบุคคลในภาพจริง และตนเองเป็นคนลักเครื่องขยายเสียง มาจากบ้านคำบง เขต อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น และได้นำพาเจ้าพนักงานตำรวจตรวจยึดเครื่องขยายเสียง 2 เครื่อง,ครีมตัดเหล็ก 3 ตัว ไขควง 2 อัน โคมไฟ 1 ดวง อุปกรณ์ใช้ก่อเหตุ และรถจักรยานยนต์ 1 คัน ที่ใช้ขับขี่มาก่อเหตุ
พร้อมนี้ได้นำพาตรวจยึดเครื่องขยายเสียงที่ตนเองลักมาแล้วนำไปจำหน่าย ในเขต อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ จำนวน 15 เครื่อง และในเขต อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ จำนวน 10 เครื่อง โดยเครื่องขยายเสียงบางส่วนที่ลักมา ผู้ต้องหา ขายให้ผู้รับซื้อทางออนไลน์ โดยขายเครื่องละประมาณ 3,500 -7,000 บาท
ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพด้วยว่า เครื่องเสียงที่ทำการลักไปนั้นจะนำไปโพสต์ออนไลน์ทางเฟสบุ๊คในชื่อ ก๊อป ซาวด์ มิวสิค บางส่วนนำไปขายในร้านรับซื้อของเก่าในตัวเมืองกาฬสินธุ์ เงินที่ได้จากการขายเครื่องเสียงจะนำไปใช้หนี้ธนาคารเพื่อการเกษตร ในการลงมือทำแต่ละครั้งจะทำเพียงคนเดียว ในช่วงเวลากลางคืนตอนดึก ปลอดจากผู้คนสัญจร
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.น้ำพอง ได้นำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าว พร้อมกับได้นำเครื่องขายเสียงของกลาง ที่ยึดได้จากการก่อเหตุครั้งนี้มาแสดงให้กับผู้ใหญ่บ้านทั้งในเขตอำเภอน้ำพอง อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม และจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มียืนยันว่าเป็นทรัพย์สินของหมู่บ้าน ซึ่งผู้ใหญ่สามารถสามารถชี้ของกลางที่เป็นทรัพย์ของหมู่บ้านได้อย่างถูกต้อง แต่บางหมู่บ้านก็ไม่สามารถเจอของกลาง บางหมู่บ้านก็ได้ของกลางมาไม่ครบ ซึ่งจะได้ประสานกับร้อยเวรเจ้าของคณะนำของกลางกลับไปใช้ประโยชน์สาธารณะเพื่อประกาศข่าวสารให้กับชาวบ้านอีกครั้ง
ด้านนายฉัตรชัย โลหะมาตย์ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอน้ำพอง กล่าวว่า หลายเดือนที่ผ่านมาเครื่องขยายเสียงตามหมู่บ้านที่ใช้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านได้ทราบข้อมูลข่าวสารทางราชการได้ถูกลักขโมยหายไปจากศาลาประชาคม ทำให้หมู่บ้านเหล่านั้นได้ขาดการประชาสัมพันธ์ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมากได้มาแจ้งความที่ สภ.น้ำพอง ทำให้มีการสอบสวนจนสามารถทำการจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ซึ่งได้สร้างความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการที่ตำรวจสามารถจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ในครั้งนี้ ต้องขอแสดงความขอบคุณเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ได้มีการมอบแระเช้าดอกไม้แสดงความชื่นชมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.น้ำพองด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ธนาวัชร ดีบุญมี ณ ชุมแพ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น โฆษกตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เผยว่า จากการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้เป็นการร่วมมือระหว่างตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น สภ.น้ำพอง และตำรวจภูธรภาค 4 ในการสืบสวน หาตัวผู้กระทำผิดจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ซึ่งสำหรับหมู่บ้านไหนที่มีการก่อเหตุถูกลักเครื่องขยายเสียงสามารถที่จะมาตรวจสอบ และดูของกลางที่ สภ.น้ำพอง ได้ตลอดเวลา
ขณะที่ พ.ต.อ.พัฒนศักด์ ยี่สารพัฒน์ ผกก.สภ.น้ำพอง กล่าวว่าแนวทางการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุมาหลายปี แต่ไม่เคยถูกจับเลย โดยก่อเหตุลำพังเพียงคนเดียว เวลาช่วงดึกซึ่งพยานหลักฐานจะน้อยมากจึงทำให้รอดพ้นเงื้อมมือกฏหมาย พื้นที่ก่อเหตุจะอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงภูมิลำเนา ที่อำเภอยางตลาดคือเขตกาฬสินธุ์ มหาสารคาม ขอนแก่น โดยจะเน้นลักเครื่องขยายเสียงของหมู่บ้านซึ่งเป็นทรัพย์สินสาธารณะ โดยเกินในเขตอำเภอน้ำพอง 14 ครั้ง ซึ่งทาง สภ.น้ำพองให้ความสำคัญในคดีนี้เพราะเป็นทรัพย์สินของทางราชการ สาธารณะประโยชน์ที่ใช้อยู่ทุกวัน โดยได้ทำการสืบสวนจนได้ตัว และขอประชาสัมพันธ์ไปทาง สภ.อื่นที่เคยเกิดคดี ลักษณะนี้ให้ประสานมาที่ สภ.น้ำพอง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติม
ทางด้านนายประพันธ์ ดงใหญ่ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ต.บ้านขาม อ.น้ำพอง กล่าวถึงการที่ได้เครื่องขยายเสียงกลับคืนมาว่า รู้สึกดีใจที่ได้ของคืน ชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเครื่องเสียงของหอกระจายข่าวหมู่บ้านหายไป 4 เครื่อง แต่ได้คืนมา 2 เครื่องก็ตาม ซึ่งเครื่องเสียงหอกระจายข่าวเป็นความสำคัญระดับหมู่บ้าน เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรต่าง ๆงานบุญ คนตาย ข่าวสารทางราชการ แม้แต่การประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโควิด หอกระจายข่าวจะมีความสำคัญอย่างมาก
ในส่วนของนายสังคม แก้วยา กำนันตำบลวังไชย อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในการจับกุมคนร้ายที่ลักเครื่องขยายเสียง ว่ามีเครื่องขยายเสียงของหมู่บ้านที่ถูกลักขโมยไปหรือไม่ โดยเผยว่า ในการเข้ามาดูของกลางในครั้งนี้ไม่พบเครื่องเสียงของหมู่บ้านตนเอง จากการสอบถามผู้ต้องหาอ้างว่าไม่ได้เดินทางไปที่นั่น แต่ตนเองมีหลักฐาน ซึ่งได้นำมาให้พนักงานสอบสวนที่สภ.บรบือแล้ว ซึ่งเครื่องเสียงได้หายไปเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพฤติกรรมของคนร้ายมีความชำนาญในการใช้เครื่องขยายเสียงเพราะจะถอดเอาแต่ขยายที่มีคุณภาพ อย่างอื่นไม่แตะต้อง
จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อทำการขยายผลไปยังร้านรับซื้อ และผู้ซื้อของโจร พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหา ลักทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณะประโยชน์ เอาไปเสียซึ่งเป็นของตนเองและจำหน่าย และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป