ขอนแก่น(ชมคลิป)ตำรวจกว่าร้อยนายปิดหมู่บ้านค้นผู้ค้าผู้เสพยา ตามปฏิบัติการ”นาคาพิทักษ์”

ตำรวจภาค 4 ร่วมกับ ปปส.ภาค4 เปิดปฏิบัติการนาคาพิทักษ์ ปิดทั้งหมู่บ้านตรวจค้นยาเสพติดพื้นที่เป้าหมาย 8 จุด โดยเป้าหมาสำคัญเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ได้ของกลางและผู้ต้องหาหลายรายการ

  วันที่ 15 พฤษภาคม 2564 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมด้วยเหน้าที่ ปปส.ภาค4 และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ตำรวจจาก สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เข้าทำการปิดล้อมบ้านสำโรง ต.บ้านขาม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น หลังจากสืบทราบว่ามีการค้าขายยาเสพติดกันหลายคน โดยเข้าตรวจค้นพร้อมกัน 8 จุด ตรวจค้นบุคคลเดินทางเข้าออกอย่างเข้มงวด

    พลตำรวจตรีสหภูมิ สง่าเมือง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวถึงการปฏิบัติการยุทธการนาคาพิทักษ์ว่า สืบเนื่องจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 ได้เปิดยุทธการ “นาคาพิทักษ์” โดยการปฏิบัติการครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะกวดล้างเกี่ยวกับผู้ที่กระทำเกี่ยวกับยาเสพติด ในชุมชนทั้งหลายเพื่อให้พื้นที่ในความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 4 ปลอดจากยาเสพติด ในส่วนของการปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่บ้านสำโรง ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ทางตำรวจภูธรภาค 4 จึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อม ตรวจค้น ทั้งหมด 8 เป้าหมาย โดยในปัจจุบันนี้มีการแพร่กระบาดของโรคโควิด 19 จึงมีการบูรณาการร่วมและนำเทคโนโลยีโดรน และการวีดีโอคอนเฟอร์เร้น มาใช้ในการเข้าไปปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ และให้ความสำคัญกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ ปปส. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในมาตรการป้องกันโควิดด้วย เพราะปัจจุบันไม่สามารถไว้วางใจได้ว่า ผู้กระทำความผิดมีเชื้อโควิดหรือไม่ จึงปฎิบัติการเทคโนโลยีการกระจายตัวและถ่ายทอดทางวีดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ ทางผู้บังคับบัญชาจะควบคุมสั่งการทางคอนเฟอร์เร้นท์ไปยังผู้ปฏิบัติงานพื้นที่ ซึ่งผู้ปฏิบัติในพื้นที่ได้รับการอบรม เตรียมการเรื่องยุทธวิธี ตลอดจนถึงเรื่องของการป้องกันตัวเองในเรื่องของโรคระบาดโควิด 19

  พลตำรวจตรีณัฐนนท์ ประชุม  ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่าเป้าหมายในการปิดล้อมในครั้งนี้มีด้วยกัน 8 เป้าหมาย โดยเป้าหมายที่สำคัญเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการตรวจค้นนั้นเรามีพยานหลักฐานสำคัญคือ ยาเสพติด และเงินสดที่ได้จากการจำหน่ายยาเสพติด นอกจากนั้นในเป้าที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายรายสำคัญในพื้นที่ เราพบว่ามีการสื่อสารโอนเงินทางด้านบัญชี ไปยังกลุ่มนักค้ารายสำคัญของภาคกลางซึ่งจะได้ทำการขยายผลต่อไป ณ วันนี้ที่ทำการตรวจค้นจับกุมได้เบื้องต้นของกลางยาบ้าจำนวน 100 เม็ด ผู้ต้องหาจำนวน 9 คน เงินสดประมาณสองแสนบาท รถยนต์ 2 คัน โดยจะได้ขยายผลเครือข่ายนี้ต่อไป

    สำหรับโครงการนาคาพิทักษ์รักษ์ประชา วัตถุประสงค์มุ่งเน้นที่ไปที่กลุ่มเป้าหมายที่มีอาการทางจิตจากการใช้สารเสพติด ซึ่งหมู่บ้านนี้มีบุคคลที่มีอาการทางจิตจากการใช้ยาจำนวน 3 คน โดยมี 1 รายได้เสียชีวิตไป ยังเหลือ 2 ราย โครงการนี้จะมีทีมผู้พิทักษ์เข้าไป โดยจะมีการร่วมกันหลายฝ่าย ทั้งฝ่าย อสม.ฝ่ายปกครอง ตำรวจอาสาหมู่บ้าน ที่เข้าไปร่วมกันดูแลเรื่องความต่อเนื่องในการรับยารักษาที่ต่อเนื่อง รวมถึงเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดถึงพฤติกรรมที่จะมาก่อเหตุ หรือสุ่มเสี่ยงที่จะทำอันตรายกับตนเองหรือผู้อื่น ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องต่อไป

   ทางด้าน นายภิญโญ โฆษิต ผอ.ปปส.ภาค 4 กล่าวว่าในนามของ ปปส.ต้องขอบคุณ ตำรวจภูธรภาค 4 ที่ได้มีโครงการปราบปรามและการป้องกัน โดยเฉพาะด้านการบำบัดรักษาด้วย โดยครั้งนี้ได้มีแผนการที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าสถานการณ์เรื่องยาเสพติดจะรุ่นแรง รวมไปถึงสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 4 ได้ทำการแก้ไขปัญหาอย่างเข้มข้นทั้ง 2 สถานการณ์ เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจทางเจ้าหน้าที่ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ในส่วนของ ปปส.ภาค 4 ได้มีการบูรณาการร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค4 อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสกัดกั้น การปราบปรามในหมู่บ้านชุมชน ที่มีปัญหาการแพร่ระบาดในพื้นที่ตอนในด้วย จะเห็นได้ว่าในปีงบประมาณนี้ตำรวจภูธรภาค 4 สามารถสกัดกั้นยาเสพติดที่ทำการลักลอบน้ำเข้าตามบริเวณพื้นที่ชายแดน ตั้งแต่จังหวัดเลย ไปถึงจังหวัดมุกดาหาร มีการจับกุมยาเสพติดได้ประมาณเกือบ 100 ล้านเม็ดแล้ว และในหมู่บ้าน หรือชุมชน เราก็ได้มีการเปิดแผนปฏิบัติการ พิทักษ์นาคา ซึ่งในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ถือว่าประสบผลสำเร็จพอสมควรเพราะเราได้มีการจับกุมขยายผลยึดทรัพย์สินรวมเป็นมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท

   ด้าน พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เผยว่า จากเบาะแสที่ได้มาของส่วนที่เกี่ยวข้องในการปราบรามยาเสพติดในเขตอำเภอน้ำพอง ซึ่งจะเห็นได้ว่าการปฏิบัติการได้มีการทดลองการใช้คอนเฟอร์เร้นท์โดยตรงแบบเรียลไทม์ระหว่างผู้บังคับบัญชาระดับสูงสั่งการตรงไปยังผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ในส่วนของพื้นที่อื่นหากเรามีเบาะแส ไม่ว่าจะเป็นการส่งยา พักยา มีการแพร่ระบาดเรื่องยาเสพติด เราก็จะได้นำโมเดลนี้ไปใช้ในโอกาสต่อไป