หนองบัวลำภู(ชมคลิป)จอมขมังเวทย์ นำทุบ “รูปปั้นตัดหัว” ที่พักสงฆ์หนองบัวลำภู ชี้เป็นเดรัจฉานวิชา ต้องทำลายและเก็บกวาดทิ้งในกองขยะเพราะเป็นสิ่งโสโครก

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 เวลา 14.00 น. ที่บริเวณที่พักสงฆ์ภูหินกอง บ้านนาแค ต.หนองบัว อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู พ.อ.พุทธิวัฒน์ สิริพงศ์พล รอง ผอ.รมน.จ.หนองบัวลำภู นายประยูร อรัญรุท นายอำเภอเมืองหนองบัวลำภู นางจิราภรณ์ บุญโพธิ์ ผอ.สนง.พุทธศาสนา และนายเผด็จ โยธะพล พราหณ์หลวง หรือจอมขมังเวทย์ ที่เดินทางมาจากจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ อส. – ตำรวจ สภ.เมืองหนองบัวลำภู ร่วมกันประกอบพิธีทุบทำลายรูปปั้นตัดหัว ตามคำสั่งของ นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ ผวจ.หนองบัวลำภู ภายหลังที่ได้รับคำปรึกษาจากเจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลำภู(ธ) และจังหวัดได้ประชุมข้อสรุปว่าต้องทุบทำลายเพื่อป้องกันปัญหาพฤติกรรมเลียนแบบและป้องกันความเชื่อที่ผิดต่อพฤติกรรมการตัดหัวถวายพระพุทธเจ้าที่ไม่ตรงตามหลักคำสอนคือไม่มีอยู่จริง

พิธีกรรมเริ่มต้นด้วย นายเผด็จ โยธะพล พราหณ์หลวงที่เดินทางมาจากจังหวัดอุดรธานี หรือที่ชาวบ้านรู้จักในนามจอมขมังเวทย์ ทำการเสี่ยงหายก่อนทุบจากนั้นได้สั่งการให้ทุกคนระวังและให้เก็บกวาดเศษอิฐเศษดินให้เกลี้ยง ก่อนทำการทุบได้ทำการขมาแล้วสั่งการให้ทุบโดยมีผ้าคลุมสีขาวที่คลุมเอาไว้ก่อนหน้านั้นท่ามกลางการติดตามของประชาชนและสื่อมวลชนทุกแขนงด้วยความระทึกใจ โดยใช้เวลาไม่นานก็สามารถทุบทำลายเป็นที่เรียบร้อย

นายเผด็จ โยธะพล พราหณ์หลวง หรือจอมขมังเวทย์ชาวจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ได้ติดตามข่าวนี้มาอย่างต่อเนื่องและรู้สึกตกใจที่มีอดีตพระที่กล้าทำอะไรที่ไม่มีในหลักคำสอน และจากการตรวจสอบรูปปั้นนี้ถือเป็นเดรัจฉานวิชา มีความเกลียดชัง ชิงชังเป็นอย่างมาก การทุบทำลายจำเป็นต้องเก็บกวาดให้เกลี้ยง จึงได้ให้ทุบไปพร้อมกับผ้าที่คลุม โดยวันนี้ได้เชิญ พระนารายณ์ พระอินทร์ ที่คาถาลงท้ายว่า มะ อะ อุ ที่จะทำการสะกดสิ่งชั่วร้ายให้ตกตายไปตามกัน โดยจะต้องทำเศษรูปปั้นทั้งหมดไปทิ้งไว้บนกองขยะเพราะเป็นสิ่งโสโครกที่ไม่ต้องได้กลับมาสร้างปัญหาหรือมาทำร้ายประชาชนที่จะหลงผิดไปอีก

ด้าน พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญ ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู กล่าวว่า ในทางคดีขณะนี้ตำรวจชุดคลี่คลายคดีสามารถติดตามเอาภาพถ่ายที่เป็นประโยชน์ในรูปคดีได้แล้วบางส่วน ซึ่งการตายของนายธรรมกร วังปรีชา อายุ 68 ปี หรืออดีตพระธรรมกรฯ นั้น มีบุคคลที่เกี่ยวพันหลายคนแต่ยังให้การปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องและอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้ตาย
“ผมเรียนตามตรงว่าสิ่งที่ตำรวจกำลังทำไม่ใช่ตามหาความเชื่อ แต่ตำรวจกำลังตามหาข้อเท็จจริง ซึ่งอนาคต พยานอาจจะเป็นผู้ต้องหาในคดีได้ เพราะมีการตายที่ไปช่วยให้ตายทางกฎหมาย นั้นมีความผิด จึงขอเวลาให้ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนคาดว่าอีกไม่นานจะมีการเรียกบุคคลมารับทราบข้อกล่าวหาและหากหลบหนีก็จะต้องมีหมายจับตัวมาดำเนินคดีต่อไป”

ด้าน นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ ผวจ.หนองบัวลำภู กล่าวว่า หลังจากได้ทุบทำลายตามพิธีกรรมไปแล้ว พื้นที่แห่งนี้ก็จะต้องรอการพิจารณาและตัดสินใจร่วมกันระหว่างกองทัพ และ มทบ.28 ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ เนื่องจากยังมีสิ่งปลูกสร้างก็อาจจะมีการพิจารณาต่อไปว่าจะทำอย่างไร ในด้านผลคดีก็ได้มอบให้กับตำรวจภูธรจังหวัด ติดตาม ส่วนในเรื่องของความเชื่อคำสั่งสอนของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีเลยที่จะบอกได้ว่าการฆ่าตัวตายเป็นการทำเพื่อถวายพระพุทธเจ้า จะมีก็แต่การทำความดีละเว้นความชั่ว ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ให้ถือศีล 5 และนับจากนี้ก็จะทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนอย่างเชื่อและหลงทางเช่นนี้เพราะถือเป็นเรื่องที่สะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ นางศิวพรฯผวจ.หนองบัวลำภู กล่าวในที่สุด
บรรยากาศในวันนี้
สำหรับในวันนี้เวลา14.00 น. ทางด้าน นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ได้มอบหมายให้ พ.อ.พุทธิวัฒน์ สิริพงศ์พล รอง ผอ.รมน.จังหวัดหนองบัวลำภู นายประยูร อรัญรุท นายอำเภอเมืองหนองบัวลำภู นางจิราภรณ์ บุญโพธิ์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดหนองบัวลำภู พ.ต.ท.กฤศณัฏฐ์ พิมพ์กีรติ สวป.สภ.เมืองหนองบัวลำภู พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ นายเผด็จ โยธะพล หมอพราหมณ์ จากจังหวัดอุดรธานี เดินทางเข้าไปยังวัดภูหินกอง เพื่อทำการทุบทำลายรูปปั้นตัดศีรษะแล้วถือยื่นมือ ไปยัง เจดีย์ “สัพพสังวรเจดีย์”ที่เป็นเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
โดยก่อนที่จะทำการทุบทำลาย หมอพราหมณ์ ได้การสวดมนต์ และนำก้อนหินมาผูกเชือกเสี่ยงทาย ถามกับวิญญาณเจ้าที่ว่าจะให้ทำการทุบทำลายหรือไม่โดยได้ผูกก้อนหินกับเชือก แล้วสอบถามให้แกว่งตามคำบอก ซึ่งจากการเสี่ยงทายหินแกว่งเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ทุบทำลายได้โดยก่อนจะทุบ หมอพราหมณ์ ได้เดินรอบรูปปั้นและไปยืนที่ด้านหน้า ท่องคาถาเมื่อเสร็จแล้วได้ให้ นายอภิชาต ชาตรีเจริญ ผู้ช่วยหมอพราหมณ์ ได้นำขวานขึ้นไปทุบก่อนเป็นคนแรก จากนั้นจึงให้เจ้าหน้าที่ อส.ทำการทุบต่อและนำเอาเศษชิ้นส่วนของปูน ขึ้นรถไปทิ้งที่อื่น เพื่อจะได้ไม่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและอาจจะก่อให้เกิดการเลียนแบบในการฆ่าตัวตาย ในลักษณะดังกล่าว และรูปปั้นดังกล่าวไม่ได้เป็นเครื่องสติเตือนใจอะไรเกี่ยวกับทางพระพุทธศาสนาซึ่งในการทุบทำลายครั้งนี้ได้มีประชาชนให้ความสนใจมาเฝ้าคอยดูสังเกตุการณ์ ประมาณ 100 คน และไม่มีเหตุการณ์ในการต่อต้านคัดค้านจากลูกศิษย์และผู้ศรัทธาแของทางที่พักสงฆ์แต่อย่างไร
ทางด้านนายประยูร อรัญรุท นายอำเภอเมืองหนองบัวลำภู กล่าวว่าที่ต้องนำหมอพราหมณ์ มาทำพิธี ก็เนื่องด้วยเราได้ปรึกษากับหลายฝ่ายกับผู้มีความรู้ มีภูมิปัญญาทางด้านนี้ และทาง ผวจ.หนองบัวลำภู เอง ก็บอกว่า บอกกล่าวสักหน่อยบางครั้งเราก็ไม่หลบหลู่เพราะยังมีคนที่นับถืออยู่ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนทางด้านจิตใจเราก็ได้ปรึกษากับหลายฝ่าย แต่เราก็ต้องทำการทุบทิ้งเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องความเชื่อของประชาชนต่อไปทาง
ด้าน พ.อ.พุทธิวัฒน์ สิริพงศ์พล รองผอ.รมน.จังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่า ส่วนของอิฐปูนที่ทุบทิ้งแล้วก็จะได้ให้เจ้าหน้าที่ อส.นำไปทิ้งที่อื่น ไม่ปล่อยไว้ที่นี่ ส่วนเรื่องของพื้นที่ ในอนาคต ตอนนี้ยังไม่อยากจะพูดถึงถ้าพูดไปแล้วอาจจะไม่เป็นไปตามที่พูด จะต้องพูดจากข้อมูลที่มีการปรึกษาหารือกันหลายฝ่ายซึ่งจะต้องมี ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน มี เจ้าหน้าที่ทหาร จากทาง มทบ.28 สำนักงานพระพุทธศาสนาพระสงฆ์ และอีกหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องระยะยาวว่าจะทำได้อะไร ได้อย่างไร
ส่วนทางด้าน พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญผบก.ตร.ภ.จว.หนองบัวลำภู กล่าวว่า สำหรับในเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และตอนนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ทำการติดตามเรื่องนี้แล้ว 2 คณะ คือ คณะกรรมการสืบสวนนำโดย พ.ต.อ.ณธีพัฒน์ จิรัฐวรโชติ ผกก.สืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภูพร้อมคณะ 10 นาย และคณะพนักงานสอบสวนนำโดย พ.ต.อ.ประทีป ปัญโญวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองหนองบัวลำภู พร้อมคณะอีก 7 นายร่วมทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งปวงที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความจริงให้ได้เร็วที่สุด หากการสืบสวนว่ามีการกระทำผิดอื่นที่เกี่ยวเนื่องหรือเกี่ยวพันถึงบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มีอำนาจสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลผู้กระทำผิดด้วย
ทั้งนี้ ได้มอบหมาย ให้ พ.ต.อ.กริช ปัตลา รอง ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู เป็นผู้ควบคุม กำกับดูแล การปฏิบัติของคณะพนักงานสืบสวนและพนักงานสอบสวน โดยได้เร่งให้ดำเนินการโดยเร็วเพื่อให้ได้ความกระจ่างเนื่องจากเป็นคดีที่สนใจของคนจำนวนมาก ซึ่งความผิดต่อการสนับสนุนให้มีการฆ่าตัวตาย หรือหากพบเห็นผู้ที่กำลังกระทำการฆ่าตัวตายแล้ว ไม่ห้าม ไม่ช่วยเหลือก็ถือว่ามีความผิด ตอนนี้ได้ทำการสอบสวนและคืบหน้าไปมากแล้วแต่จะเร่งสรุปให้เร็ว
พ.ต.อ.กริช ปัตลา รอง ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู กล่าวว่าจากที่เราได้พบอุปกรณ์ในการทำเครื่องกิโยติน มาแล้วจากวัดในพื้นที่อุดรธานี โดยพระทางวัดที่รับก็แจ้งว่าไม่ได้นำไปมีคนนำไปไว้ที่วัด ส่วนการหาดีเอ็นเอ ของผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นเวลาหลายวันจะต้องส่งไปตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐาน ใน กรุงเทพมหานคร ส่วนการสืบสวนผู้ที่เห็นเหตุการณ์จะต้องใช้เวลาในการสืบ ทางด้านพระวุฒิสาร โสภณ เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุติกล่าวว่า การที่คนเราฆ่าตัวตายนั้นถือว่าเป็นบาป ถ้าเป็นพระก็ถึงขั้นปาระซิกแต่ในกรณี อดีต พระธรรมกร ฐานธัมโม นั้นถือว่าไม่ได้เป็นพระแล้ว การฆ่าตัวตายเพื่อถวายเป็นพุทธบูชานั้นเป็นเรื่องที่ผิด การฆ่าสัตว์ก็ถือว่า ผิดแล้วในศีลห้า ข้อ 1 การฆ่าตัวตายนั้น จะห้ามนิพพาน ห้ามสวรรค์ ก็คงจะเหลือทางเดียวคือ นรก
สุภัชรกานต์ แก้วสิงห์/ขตว.จังหวัดหนองบัวลำภู