กาฬสินธุ์(ชมคลิป)หนุ่มดับเพลิงจี้ตำรวจตามจับคนร้ายลอบเผาบิ๊กไบค์

หนุ่มพนักงานดับเพลิงเทศบาลตำบลผาเสวย อำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ สุดงง หลังเกิดเหตุมือดีแอบมาจุดไฟเผารถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์กลางดึก เสียหายทั้งคันโดยไม่ทราบสาเหตุ เจ้าหน้าตำรวจยังตามจับคนร้ายไม่ได้ จูงมือแม่ไปสอบถามความคืบหน้าและให้เร่งตามจับคนร้าย เพราะอยู่กันอย่างหวาดผวา เกรงคนร้ายจะย่ามใจ กลับมาเผาบ้านเรือนอีก วันๆได้แต่นอนเฝ้าซากรถที่ถูกไฟไหม้ด้วยความเสียดาย ระบุจะไม่เคลื่อนย้ายไปไหนจนกว่าจะจับคนร้ายได้

วันที่ 16 เมษายน 2564 เวลา 12.30 น. ที่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 4 บ้านหนองแสงน้อย ต.ผาเสวย อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ นางสกลรัตน์ เขม้นกสิกรรม อายุ 47 ปี เจ้าของบ้าน และนายไชยวัฒน์ เขม้นกสิกรรม อายุ 20 ปี ลูกชาย ได้ชี้จุดเกิดเหตุคนร้ายเข้ามาลักลอบเผารถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่น Z800 สีดำ หมายเลขทะเบียน กต-4789 กาฬสินธุ์ ได้รับความเสียหายทั้งคัน โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 เวลาประมาณ 01.00น. และเข้าแจ้งความที่ สภ.สมเด็จ เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 เวลา 10.30 น. แต่ถึงวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีได้

นายไชยวัฒน์ เขม้นกสิกรรม อายุ 20 ปี กล่าวว่าตนทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ประจำเทศบาลตำบลผาเสวย อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์คันดังกล่าว นางกมลรัตน์ซึ่งเป็นแม่ซื้อให้เป็นของขวัญ ในโอกาสได้เข้าทำงานที่เทศบาลตำบลผาเสวย เพื่อที่จะได้มีรถขี่เดินทางไปทำงาน โดยซื้อเงินสดต่อจากเจ้าของคนเดิมในราคา 170,000 บาท ตนจึงรักและหวงแหนรถคันนี้มาก พอถึงเวลานอนก็จะเอารถเข้าไปนอนในห้องนอนทุกคืน แต่ตนมีโอกาสนอนชื่นชมและใช้รถบิ๊กไบค์คันนี้ได้เพียง 3 เดือน ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ถูกคนร้ายมาลักลอบใช้ไฟเผาได้รับความเสียหายทั้งคัน

นายไชยวัฒน์กล่าวอีกว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุรถบิ๊กไบค์ถูกลักลอบเผาดังกล่าว เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 ตนได้ขี่รถบิ๊กไบค์ประสบอุบัติเหตุ เนื่องจากถนนลื่นที่ถนนสายสมเด็จ-กาฬสินธุ์ ทำให้โช๊คหน้าได้รับความเสียหาย จึงได้นำมาจอดไว้ภายในบริเวณบ้าน โดยจอดพิงกำแพงหน้าบ้านเพื่อรอส่งซ่อม เนื่องจากศูนย์บริการที่จะนำไปซ่อมแจ้งมาว่าต้องรออะไหล่ก่อน แต่พอถึงวันที่ 12 มกราคม 2564 เวลา 01.00 น. ขณะที่ทุกคนในบ้าน ซึ่งมีตน แม่ พี่สาว พี่เขย นอนหลับสนิท จู่ๆก็รู้สึกตัวขึ้นมาเนื่องจากได้กลิ่นเหม็นไหม้คลุ้งเข้ามาในตัวบ้าน และต่อมาได้ยินเสียงแม่ตะโกนบอกว่าไฟไหม้ จึงเปิดประตูออกมาดูต้นเพลิง พบเปลวไฟกำลังโหมไหม้บิ๊กไบค์อย่างรุนแรง ทุกคนจึงได้ช่วยกันนำถังตักน้ำมาช่วยกันดับไฟ แต่ก็ไม่ทันการ รถได้เกิดความเสียหายทั้งคัน

นายไชยวัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจเบื้องต้นคนร้ายได้ใช้น้ำมันเบนซินราด ก่อนจุดไฟเผาโดยใช้ฟางข้าวแห้งเป็นชนวนจุดไฟ ที่บริเวณถังน้ำมันและเบาะที่เป็นพลาสติก จึงเป็นเชื้อเพลิงให้ไฟโหมไหม้ได้รับความเสียหายดังกล่าว หลังเกิดเหตุบิ๊กไบค์ที่ตนรักและหวงแหน ถูกคนร้ายลักลอบเผาดังกล่าว ตนรู้สึกงุนงงมาก และอยากถามคนร้ายว่ามาเผารถผมทำไม ผมทำอะไรให้คุณผิดเคืองใจอะไร เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใครเลย ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นในพื้นที่ หรือเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน จึงนึกไม่ออกว่าสาเหตุใดที่ทำให้คนร้ายมาลักลอบเผาดังกล่าว อย่างไรก็ตามตนได้เข้าแจ้งความที่สภ.สมเด็จแล้วตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ แต่ถึงวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ตนกับนางสกลรัตน์ผู้เป็นแม่จึงได้ไปติดตามความคืบหน้าจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง เพื่อเร่งติดตามหาเบาะแสคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากรู้สึกเสียดายรถมาก จากเดิมที่เคยเอารถในนอนเป็นเพื่อนในห้อง แต่พอถูกคนร้ายลักลอบเผาตนก็ได้ออกมานอนเฝ้าซากรถด้วยความเสียดาย และจะไม่เคลื่อนย้ายซากรถไปไหน จนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตามจับคนร้ายมาดำเนินคดี

ด้านนางสกลรัตน์ เขม้นกสิกรรม อายุ 47 ปี แม่นายไชยวัฒน์กล่าวว่า ตนเองก็รู้สึกมึนงงไปหมด ว่าสาเหตุใดหรือเป็นใครที่เป็นคนร้ายลักลอบมาเผารถบิ๊กไบค์ของลูกชาย เพราะตนเอง และจากการสอบถามลูกชาย รวมทั้งทุกคนในครอบครัว ไม่เคยมีปัญหากับใคร จากเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ตนและลูกดำเนินชีวิตอย่างหวาดระแวง เกรงคนร้ายละย่ามใจ กลับมาเผาทรัพย์สินหรือบ้านเรือนอีกครั้ง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีโดยไว เพราะทุกคนอยู่กันอย่างหวาดผวา บางคืนถึงกับนอนไม่หลับทีเดียว

ขณะที่ พ.ต.ท.บุญจันทร์ สังข์ทอง รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งคนร้ายลักลอบเผารถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ดังกล่าว ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหาย และได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่จุดสืบสวน สายตรวจตำบล ออกตรวจที่เกิดเหตุและหาพยานหลักฐาน ซึ่งพบเพียงเศษฟางข้าว และขวดบรรจุน้ำมันเบนซิน อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ส่วนหลักฐานประกอบอื่นไม่พบ และบริเวณใกล้จุดที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด

พ.ต.ท.บุญจันทร์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สายตรวจตำบล ไม่ได้นิ่งนอนใจในการติดตามหาพยานหลักฐาน เพื่อนำมาประกอบคดี แต่เนื่องหลักฐานที่ได้ค่อนข้างเลือนราง ไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ แนวทางการติดตามคดีจึงต้องรัดกุมและใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานสักระยะ เพื่อนำพยานวัตถุที่ได้ไปตรวจหาดีเอ็นเอคนร้ายที่สถาบันนิติวิทยาขอนแก่น ซึ่งขณะนี้เอกสารนำส่งใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และจะสามารถส่งพิสูจน์หลักฐานได้ในสัปดาห์หน้า ส่วนผลการพิสูจน์น่าจะทราบภายในเวลา 2 เดือน

คลิป, ร้องเรียน

Related posts

404 Not Found
404
Sorry, the page you visited does not exist.
It may be that the access link is wrong or the file does not exist.