จับเครือข่ายยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน 3 ราย ของกลางยาบ้า 2.7 แสนเม็ด ไอซ์ 2.5 กก. ผู้การอุดรฯ เผย คนร้ายยิงรถตราโล่ตำรวจจราจร เครือข่ายมารับพาหนีออกจากพื้นที่ไปแล้ว
เมื่อเวลา10.00น.วันที่ 5 เมษายน 2564ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.พิเชษฐ์ วงษ์บุรี รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.พันธุ์เพชร เหล่ากำดหนิดเพชร ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.ท.สรพงษ์ งิมสันเทียะ รอง ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี พร้อมด้วยตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกันแถลงข่าวขยายผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน(สปป.ลาว) ผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย นายกฤษติชานนท์ หรือเดี่ยว คำมณีจันทร์ อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 77 ม.6 ต.โพนสูง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
นายวุฒิพงษ์ หรือตั้ม ทัศนัย อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 6 ม.7 ต.ศรีสุทโธ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี พร้อมของกลางยาบ้า 7,000 เม็ด อาวุธปืนบีบีกันดัดแปลงลำกล้องขนาด .38 มม. จำนวน 1 กระบอก กระสุน 3 นัด และนายนัฐพล หรือเอ็ม สอนละ อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 14 ม.2 ต.ชุมแสง อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ของกลางยาบ้า 266,000 เม็ด ยาไอซ์ 2.5 กก.และตรวจยึดรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นCB 650 F สีดำ ไม่ติดแผ่นป้าย จำนวน 1 คัน ที่ได้มาจากการกระทำความผิดตามมาตรการ พรบ.ยาเสพติด
ทั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดอุดรธานี สืบทราบว่า นายนายกฤษติชานนท์ หรือเดี่ยว คำมณีจันทร์ มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จึงทำการวางแผนให้สายลับล่อซื้อ จำนวน 2,000 เม็ด เป็นเงินจำนวน 21,000 บาท ก่อนขยายผลไปจับกุม นายวุฒิพงษ์ หรือตั้ม ทัศนัย ที่บ้านพักตรวจค้นภายในห้องนอน พบยาบ้า 5,000 เม็ด และอาวุธปืนบีบีกันดัดแปลงลำกล้องขนาด .38 มม. โดยให้การสาภาพว่ายาบ้าบางส่วนสั่งซื้อจากชาว สปป.ลาว และบางส่วนสั่งซื้อมาจาก นายนัฐพล หรือเอ็ม สอนละ ชาว อ.ทุ่งฝน เนื่องจากเป็นเครือข่าวเดียวกัน ตำรวจจึงวางแผนขยายผลให้สายลับล่อซื้อยาบ้าจากนายนัฐพลฯ จำนวน 2,000 เม็ด โดยนัดรับส่งยาบ้ากันบริเวณถนนท้ายหมู่บ้านหนองแต้ ต.โพนสูง อ.บ้านดุง
โดยนายนัฐพลฯ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์มาส่งยาบ้าตามจำนวนที่ทำงานล่อซื้อ ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุมพร้อมของกลาง ก่อนนำตำรวจไปตรวจยึดยาบ้า 264,000 เม็ด และยาไอซ์ 2.5 กก. ที่นำไปฝังดินไว้ในสวนมะม่วงท้ายหมู่บ้านเหล่าวิชา อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ควบคุมตัวมาสอบสวนให้การรับสารภาพว่า ยาบ้าและยาไอซ์ทั้งหมดเป็นของ นายกันฯ ชาว อ.บ้านดุง ที่หนีหมายจับคดียาเสพติดไปฝังตัวอยู่ที่ สปป.ลาว สั่งการให้ลูกน้องหรือที่เรียกกันว่านักบิน นำยาบ้าและยาไอซ์มาวางไว้ตามริมถนนมิตรภาพ อุดร-หนองคาย อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี แล้วตนจะนำไปฝังดินไว้ในสวนมะม่วงท้ายหมู่บ้าน ห่างจากหมู่บ้านเหล่าวิชา ราว 1 กม. เพื่อรอคำสั่งจากนายกันฯและเครือข่ายโทรศัพท์มาสั่งซื้อ โดยจะได้ค่าจ้างเป็นยาบ้าจำนวน 6,000-8,000 เม็ด แล้วตนถึงจะนำไปขายต่อให้กับลูกค้ารายย่อยในพื้นที่ ซึ่งตนไม่เสพแต่ขายเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว และทำมาหลายครั้ง
พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เคยถูกจับดำเนินคดีข้อหา “เสพและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และพ้นโทษออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อปลายปี 2559 ก่อนหวนกลับมาตั้งแก๊งจำหน่ายยาเสพติดเหมือนเดิม โดยมี นายกันฯและชาว สปป.ลาว เป็นคนสั่งการอยู่เบื้องหลัง ในการจับกุมครั้งนี้จะเห็นได้ว่าผู้กระทำผิดมีอาวุธปืน และพร้อมที่จะต่อสู้กับตำรวจทุกเวลาหากมีโอกาส โดยทางตำวจก็ได้วางแผนอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตต่อผู้ปฏิบัติและผู้กระทำความผิด เหมือนกับครั้งนี้ ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านดุง และสภ.ทุ่งฝน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนเหตุการณ์ช่วงกลางคืนวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมาที่มีคนร้ายคือ นายพนาไพร จันทรเสนา หรือโจ้ อายุ 36 ปี ชาว ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี และผู้หญิงที่มาด้วยกันคือ นางสาววรัญญา พาเที่ยม หรือตุ่น อายุ 35 ปี ชาว ต.ทับกุง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี ขับรถยนต์เก๋งแหกด่านตรวจของตำรวจจราจร สภ.เมืองอุดรธานี และเมื่อจนมุมได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถตราโล่ของตำรวจ จำนวน 12 นัด โชคดีที่ไม่มีการสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บ ซึ่งขณะนี้ฝ่ายสืบสวนและสอบสวน กำลังไล่ล่าตัวและหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคล เพื่อให้ศาลอนุมัติหมายจับ โดยข้อมูลบางส่วน อยู่ระหว่างสืบสวน ยังให้รายละเอียดไม่ได้ คาดว่าทั้ง2 คนอาจจะออกจากพื้นที่จ.อุดรธานีไปแล้ว เพราะอาจจะมีครือข่ายมารับตัวพาออกนอกพื้นที่ ส่วนรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ส สีขาว ที่ทั้ง2 คนขับมานั้น ได้ตรวจสอบทราบว่าเข้าของรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ส ผู้ครอบครอง อยู่อ.สระใคร่ จ.หนองคาย ตำรวจจะเชิญตัวมาทำการสอบปากคำ เพราะป้ายทะเบียนรถที่ติดใส่มา แล้วขับมาในเกิดเหตุ เป็นทะเบียนปลอม ส่วนรถฮอนด้าแจ๊ส สีขาว ได้มายังไง อยู่ระหว่าดำเนินการตรวจสอบอยู่ และหากมีความคืบหน้าในทางคดี ทางเราจะแจ้งให้ทราบต่อไป