.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน “วัคซีนโควิด-19 คืนรอยยิ้มประเทศไทย” โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะข้าราชการระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุข และ MR.YANG XIN (นายหยาง ซิน) อุปทูตสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ร่วมพิธี
.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้วัคซีนล็อตแรกที่รัฐบาลได้มอบให้กระทรวงสาธารณสุข โดยองค์การเภสัชกรรม จัดหาเร่งด่วน จำนวน 2 ล้านโดส รองรับการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ เพิ่มจากแผนจัดหาเดิม ที่กรมควบคุมโรคสั่งซื้อจากบริษัท Astra Zenica โดยวัคซีนนี้เกิดจากการเจรจากับบริษัท ซิโนแวค ไลฟ์ ชายน์ จำกัด สาธารณรัฐประชาชนจีน Sinovac Life Sciences Co.,LTD.,People’s Republic of Chaina) ซึ่งเป็นบริษัทที่สามารถส่งวัคซีนให้ประเทศไทยได้ภายในเดือน ก.พ. 2564 ภายใต้การจัดหาโดยสถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย และมอบให้องค์การเภสัชกรรม เป็นผู้ดำเนินการนำเข้า ขึ้นทะเบียนยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และกระจายไปสู่ประชาชน ฉีดให้กลุ่มเป้าหมายคนละ 2 โดส ห่างกัน 21 วัน และในเดือน มิ.ย. จะได้รับวัคซีนของแอสตร้าเซนิก้า 61 ล้านโดส เพื่อฉีดให้ทุกคนบนแผ่นดินไทยโดยสมัครใจ สร้างภูมิคุ้มกันโรค ฟื้นเศรษฐกิจ คืนรอยยิ้มให้กับประเทศไทย
.
ด้านนายอนุทิน กล่าวว่า วัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค ที่ได้รับในวันนี้เป็นงวดแรก จำนวน 200,000 โดส เมื่อผ่านการตรวจสอบโดยกรมศุลกากร เจ้าหน้าที่ อย.และเจ้าหน้าที่ขององค์การเภสัชกรรมแล้ว จะขนส่งไปยังคลังสำรองวัคซีนโควิด-19 ที่ศูนย์กระจายสินค้าของบริษัท ดีเอชแอล (ประเทศไทย) จากนั้น องค์การเภสัชกรรม จะดำเนินการตรวจรับและกระจายให้กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบคุณภาพอีกครั้ง เมื่อผ่านทุกขั้นตอนแล้ว จะจัดส่งกระจายให้กับหน่วยบริการสถานพยาบาลให้เร็วที่สุด สำหรับวัคซีนงวด 2 จำนวน 800,000 โดส จะส่งมอบในเดือน มี.ค. และงวด 3 จำนวน 1 ล้านโดส ในเดือน เม.ย.2564 รวมทั้งสิ้น 2 ล้านโดส โดยองค์การเภสัชกรรม รวมมือกับบริษัท ดีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินการจัดเก็บวัคซีนทั้ง 2 ล้านโดส ภายในห้องจัดเก็บความเย็น และจัดส่งกระจายภายใต้มาตรฐานสากล ควบคุมอุณหภูมิไม่เกิน 2-8 องศาเซลเซียส ไปยังโรงพยาบาลตามแผนการฉีดให้กับประชาชน ตามที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งบริษัท ดีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้การสนับสนุนแก่รัฐบาลไทย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
.
สำหรับเป้าหมายการฉีดวัคซีน ระยะแรก เดือน มี.ค.-พ.ค. จำนวน 2 ล้านโดส จะฉีดให้กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม และพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมใน 18 จังหวัด ได้แก่ จ.สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร (ฝั่งตะวันตก) ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ จาก(อ.แม่สอด) นครปฐม สมุทรสงคราม ราชบุรี ชลบุรี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี(เกาะสมุย) เชียงใหม่ กระบี่ ระยอง จันทรบุรี ตราด และเพชรบุรี โดยฉีดให้กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้า อสม. บุคลากรด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย ประชาชนทั่วไปและแรงงานที่มีอายุ 18-59 ปี เน้นผู้มีโรคประจำตัว ได้แก่ทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน และโรคอ้วน โดยให้แพทย์ประเมินและคัดเลือกจากฐานข้อมูลการเข้ารักษาในโรงพยาบาล
.
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า วัคซีนผลิตโดยบริษัทซิโนแวค ซึ่งเชี่ยวชาญการวิจัยพัฒนา ผลและจำหน่วยวัคซีนป้องกัน
โรคระบาด ที่ผ่านมาผลิตวัคซีนหลายตัว เช่น วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก สำหรับวัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนเชื้อตายที่มีชื่อว่า โคโรนาแวค (CoronaVac) ทำงานโดยการเหนี่ยวนำระบบภูมิคุ้มกันร่างกายมนุษย์ให้สร้างแอนติบอดี้ต้านโควิด-19 โดยแอนติบอดี้จะไปยึดติดกับโปรตีนบางส่วน ของไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์ร่างกาย วัคซีนเชื้อตายเป็นเทคโนโลยีดั้งเดิม ที่ประสบความสำเร็จในการป้องกันโรค และสามารถเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส โดยมีการศึกษาในคนระที่ 1-2-3 และในประเทศ บราซิล ตุรกี อินโดนีเซีย และชิลี แล้ว มีรายงานว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพป้องกันการเกิดโควิด-19 ทำให้ปัจจุบันได้รับการรับรองให้ใช้ในประเทศจีนแล้ว
“การฉีดวัคซีน โควิด-19 CoronaVac อนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีข้อแนะนำว่า กระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้ฉีดในประชาชนอายุ 18-59 ปี จำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 2-4 สัปดาห์ และมีการติดตามเฝ้าระวังอาการภายหลังได้รับวัคซีนเป็นระยะเวลา 30 วันหลังฉีด โดยในพื้นที่มีการระบาดรุนแรง แนะนำให้ฉีดห่างกัน 2 สัปดาห์ ห้ามฉีดให้กับผู้ป่วยเรื้อรังที่อยู่ในภาวะควบคุมไม่ได้ ผู้ที่มีภาวะทางระบบประสาทอย่างรุนแรง หญิงตั้งครรภ์ และควรจะวังในการฉีดในกลุ่มหญิงให้นมบุตร ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง นอกจากนี้ สามารถให้โควิด-19 ร่วมกับวัคซีนป้องกันโรคชนิดอื่นได้ โดยเว้นระยะห่างกันอย่างน้อย 14 วัน และขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิด-19 สลับชนิดกัน ดังนั้นการฉีดวัคซีนทั้ง 2 เข็มควรจะเป็นวัคซีนยี่ห้อเดียวกัน
.
ด้านพล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ประธานในที่ประชุมคณะผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า เที่ยวบินขาส่งสินค้าของการบินไทย เดินทางมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เที่ยวบินขนส่งสินค้า TG 675 เส้นทางปักกิ่ง – กรุงเทพมหานคร ณ เขตปลอดอากรและคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสาธารณรัฐประชาชนจีน อำนวยความสะดวกให้เที่ยวบินนี้เดินทางมาถึงประเทศไทยเร็วกว่าที่กำหนด เพื่อรักษาคุณภาพของวัคซีน และสามารถจัดส่งไปยังคลังโดยเร็วที่สุด มีการขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ ชนิดปรับควบคุมอุณหภูมิได้ ระหว่าง -20๐Cถึง +20๐C รวมถึงอุปกรณ์ภาคพื้นดิน และรถ Truck Cold Room เพื่อรักษาอุณหภูมิ พร้อมเจ้าหน้าที่เชี่ยวชาญการขนส่งสินค้าประเภทต้องควบคุมอุณหภูมิ
.
***************