วันที่ 28 มกราคม 2564 ที่สถานีเรือบ้านแพง ต.นาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม น.อ.สุรศักดิ์ สุวรรณเกษา ผบ.นรข.เขตนครพนม น.ท.วิระวุฒิ บุญจันทร์ หน.สน.เรือบ้านแพง นรข.เขตนครพนม ร้อยโทชายชัช วรดี ผบ.ร้อย ฉก.ทหารพราน ที่ 2109 ร.ต.ยุทธจักร์ ศรีบุตตะ ผบ.ร้อย.ทหารพรานที่ 2108 ตชด.237 ทหารชุดเคลื่อนที่เร็ว กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึด รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ตราอักษร TOYOTA รุ่น HILUX REVO สีเทา ทะเบียน กน 4781 กระบี่ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA รุ่น WAVEi สีขาวดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ YAMAHA รุ่น FINN สีน้ำเงินดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เรือกีบเพลายาว จำนวน 2 ลำ และแผ่นป้ายทะเบียน สปป.ลาว จำนวน 15 คู่ โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ VIVO 1 เครื่อง ได้ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านท่าดอกแก้ว ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ขณะเตรียมลงเรือส่งขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
สืบเนื่องจากทาง เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าจะมีการลักลอบนำรถยนต์ออกนอกราชอาณาจักร บริเวณหมู่บ้านท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันลงตรวจสอบพื้นที่ ที่ได้รับแจ้ง จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.30 น. จนท. ชุด ลว. ตรวจการ ด้วยกล้องไนท์วิชั่น พบเรือกีบเพลายาว จำนวน 2 ลำ ต่อขนาดกันเป็นแพติดเครื่องยนต์แล่นเข้ามาเทียบริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านท่าดอกแก้ว ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พร้อมด้วยกลุ่มบุคคล จำนวนประมาณ 6 คน อยู่ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ ซึ่งห่างจากจุดที่ เจ้าหน้าที่อยู่ประมาณ 150 เมตร จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงรถวิ่งลงไปยังเรือ ที่จอดอยู่ จึงได้แสดงตัวเพื่อที่จะเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว เมื่อกลุ่มบุคคลนั้นเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้พากันวิ่ง หลบหนีโดยอาศัยความมืด และความชำนาญพื้นที่ได้การหลบหนี ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเบื่องต้นพบรถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้าสี่ประตู จำนวน 1 คัน จอดอยู่บนเรือกีบที่ต่อขนานเป็นแพ และใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน คุมด้วยผ้าสีดำ จอดอยู่ เจ้าหน้าที่ จึงได้ทำ การตรวจยึด ของกลางทั้งหมดมาที่ สน.เรือบ้านแพง เพื่อทำการตรวจสอบโดยละเอียด ผลการตรวจสอบพบว่าเป็น รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ตราอักษร TOYOTA รุ่น HILUX REVO สีเทา ทะเบียน กน 4781 กระบี่ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA รุ่น WAVEi สีขาวดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ YAMAHA รุ่น FINN สีน้ำเงินดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เรือกีบเพลายาว จำนวน 2 ลำ และแผ่นป้ายทะเบียน สปป.ลาว จำนวน 15 คู่ โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ VIVO 1 เครื่อง จึงได้ทำบันทึกการตรวจยึด และนำของกลาง ทั้งหมดส่ง พงส.สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
น.อ.สุรศักดิ์ สุวรรณเกษา ผบ.นรข.เขตนครพนม กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ของกลุ่มขบวนการโจรกรรมรถยนต์ข้ามชาติ นำมาส่งข้ามไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะมีการซื้อขายกันราคาคันละประมาณ 2 -3 แสนบาท รถจักรยานยนต์ คันละ 15,000 – 20,000 บาท นอกจากนี้จากการตรวจสอบเชิงลึก รวมถึงข้อมูลการจับกุมที่ผ่านมา รถยนต์ส่วนใหญ่ที่เตรียมส่งข้ามไปขายประเทศเพื่อนบ้าน จะเป็นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า เพราะเป็นที่นิยมของตลาด ซื้อขายง่ายสำหรับที่มาจะมีทั้งมาจากการโจรกรรม รวมถึง รถยนต์ที่ค้างชำระค่างวด ในสัญญาเช่าซื้อ และหนีไฟแนนซ์ ก่อนที่จะมีการเข้าสู่กระบวนการจำนำในราคาถูก ไปจนถึงขบวนการหลอกดาวน์ราคาต่ำ และนำส่งไปขายประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะมีนายทุนในพื้นที่ตามแนวชายแดน ทำหน้าที่ติดต่อซื้อขาย กับขบวนการค้ารถยนต์ข้ามชาติ ที่ใช้ความชำนาญในการลักลอบขนส่งข้าม ในรอบนี้ได้แผ่นป้ายทะเบียน สปป.ลาว ถึง 15 คู่ เป็นครั้งแรก เชื่อได้ว่ากลุ่มขบวนการค้ารถยนต์ข้ามชาติเตรียมการมาอย่างดี โดยนำทะเบียนมาสวมแทนทะเบียนรถหลังจากส่งข้ามไปแล้วก็จะเป็นรถถูกต้องทางฝั่งนั้นทันที โดยทาง นรข.นครพนม ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ยังคง มีมาตรการเข้มต่อเนื่อง ในการสกัดกั้นจับกุม สิ่งผิดกฎหมาย แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ในพื้นที่ตามแนวชาวแดน ติดกับแม่น้ำโขงตลอดแนวที่รับผิดชอบ ซึ่งในการตรวจยึดครั้งนี้ จะได้ตรวจสอบหาเจ้าของ เพื่อสอบสวนขยายผลติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ข่าว/ภาพ ประทีป วชิระธัญญากุล จังหวัดนครพนม