เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ว่าการอำเภอพิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี นางวิไลพร ชุมสาร อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 184 หมู่ที่ 3 ต.โพธิ์ไทร อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี มารดาและนางจริยากร แซ่ลิ้ม อายุ 42 ปี ภรรยาของนายโกศล ชุมสาร อายุ 41 ปี แรงงานไทยชาว จ.อุบลราชธานี ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุตกตึก 5 ชั้นสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน เดินทางมาขอหนังสือมอบอำนาจให้สถานเอกอัครราชฑูตไทยประจำประเทศไต้หวัน เป็นผู้มีอำนาจแทนในการดำเนินการเรื่องสิทธิประโยชน์ และทางญาติวิงวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลไทย ช่วยเหลือหาทางนำร่าง กลับมาบ้านเกิด เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาบำเพ็ญกุศลศพตามประเพณี ซึ่งการเดินทางไปทำงานในครั้งนี้ ไปทำงานถูกต้องผ่านบริษัทจัดหางาน ของเอกชน ลักษณะของงานเป็นการก่อสร้างทางหลวงตำแหน่งกรรมกร
นางจริยากร แซ่ลิ้ม อายุ 41 ภรรยา กล่าวว่า สามีเดินทางไปทำงานก่อสร้าง แรกๆก็ได้เงินดีอยู่ แต่ต่อมาติดเรื่อโรคโควิค-19 งานก็ไม่ค่อยมี รายได้ก็ไม่ได้ก็ห่วงทางบ้าน ล่าสุดได้โทรกลับมาบอกว่าอยากกลับบ้าน แต่ไม่มีเงินค่าตั๋วเครื่องบิน และได้รับคำบอกเล่าจากร้านอาหารไทยที่ไตหวันแนะนำว่าให้ไปมอบตัวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไทเป แล้วก็เสียค่าปรับ 1 หมื่นบาท คุยกันเสร็จวันจันทร์ที่ 11 มกราคม จากนั้นก็ขาดการติดต่อ จนมาถึงวันเสาร์ที่ 16 มกราคม ก็ได้รับแจ้งว่าสามีตกตึก สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไทเป เสียชีวิตแล้ว ก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอทราบข่าวญาติพี่น้องทางบ้านแทบล้มทั้งยืน เบื้องต้นได้รับการประสานงานจากกระทรวงการต่างประเทศ และทราบว่าหากจะนำร่างกลับมาจะมีค่าใช้จ่ายศพละกว่า 1 แสน 5 หมื่นบาท แต่ถ้านำอัฐิ กลับมาจะเสียค่าใช้จ่าย 8 หมื่นบาท ซึ่งตนและญาติๆไม่มีเงิน ปัจจุบันครอบครัวยังคงเป็นหนี้สินจากการกู้ยืมเงินให้เดินทางไปทำงาน
