มุกดาหาร(ชมคลิป)สามีร้องศูนย์ดำรงธรรมภรรยาท้อง 7 เดือนเสียชีวิต


มุกดาหาร – สามี พร้อมญาติ เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหาร ภรรยาท้อง 7 เดือน มีอาการช๊อคเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมุกดาหาร ต่อมาเสียชีวิตพร้อมลูกในครรภ์ สาเหตุน่าจะมาจากภาวะที่มีเลือดออกในช่องท้อง เนื่องจากมดลูกปลิ
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณรงค์ ศรีโยหะ อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 84 หมู่ 3 บ้านคำเขือง ตำบลคำอาฮวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหาร ว่าเมื่อวันที่27 ธ.ค. 63 เวลา 16.00 น. นางสาวอัมภิกา สุพร อายุ 24 ปี ภรรยาซึ่งตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน มีอาการปวดหลัง ได้พามาที่โรงพยาบาลมุกดาหาร ต่อมาเวลาประมาณ 18.00 น. วันเดียวกัน ภรรยาพร้อมลูกในครรภ์ได้เสียชีวิต
นายณรงค์ ศรีโยหะ อายุ 27 ปี สามีผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า แฟนบอกว่าปวดหลังก็ไม่คิดว่าจะปวดมาก พอมาตอนบ่าย 3 โมงก็ได้พามาที่โรงพยาบาลมุกดาหาร ว่าจะมาตรวจดูว่ามีอาการยังไง ตอนขับรถมาแฟนมีอการหน้ามืด ปาดซีด พอมาถึงโรงพยาบาล ได้ลงจากรถก็ร้องให้เจ้าหน้าที่ช่วยหน่อย แฟนผมเหมือนจะช๊อค ปากซีดไปหมดเลย เขาก็ถามประวัติ และบอกให้ไปยื่นทำบัตรผู้ป่วย พอเดินกลับมาก็เห็นแฟนผมถูกปั้มหัวใจแล้ว ผมข้องใจโรงพยาบาลว่า ทำไมเจอคนป่วยแบบนี้ อาการสาหัส ไม่เร่งรีบรักษา พาไปรักษาให้เร็วที่สุด น่าจะนำผู้ป่วยไปรักษาก่อนส่วนใบประวัติค่อยตามทีหลัง ตอนที่อยู่ที่บ้านอาการก็ดี ๆ อยู่ อยากให้รีบรักษาคนป่วยท้อง 7 เดือน และมีลูกมาแล้ว 1 คน เป็นผู้ชาย อายุ 1 ขวบ 3 เดือน
นางอำนวย มงคลสุภา อายุ 48 ปี แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อวานลูกสาวโทรหาว่า ปวดหลัง แม่ก็ถามว่า ปวดมากใหม ลูกสาวตอบว่า ปวดมาก แต่ก็ทนได้ แม่บอกว่าให้ไปหาหมอ เขาบอกว่าไหวอยู่ ต่อมาแม่ก็ได้โทรไปอีกรอบ ลูกสาวบอกว่า ปวดมากกว่าเดิม ประมาณบ่าย 2 โมงกว่า ได้โทรหาลูกสาวอีก ก็บอกว่าให้รีบไปหาหมอ เพราะว่าครรภ์เป็นพิษมีอาการปวดหลัง เหมือนคนจะคลอด เพราะลูกแม่มีอาการนี้ ครรภ์หนูเป็นพิษหรือเปล่า เพราะเคยมีลูก 1 คน แล้วมันมีอาการแบบนี้ ถ้าเกิดไปหาหมอตัดสินใจได้ก็ต้องผ่าตัด ก็คุยกับลูกสาว ก่อนเขาจะมาโรงพยาบาล ก็บอกว่าหนูไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่ไหวให้ไปหาหมอ โทรคุยกัน 3 รอบ แฟนก็พามาหาหมอ ประมาณ 6 โมงกว่า โทรไปบอกว่าปั้มห้วใจ เมื่อกลางวันก็ดี ๆ อยู่ ทำไมปั้มหัวใจ ได้ยินก็แว้บ ได้ถามไปว่าน้องเป็นอะไรมากใหมถึงปั้มหัวใจ น้องที่อยู่ในท้องไม่รอดแล้ว เขาก็ใจเสีย และแม่พ้นขีดอันตรายหรือยัง แฟนลูกสาวบอกว่ายังไม่พ้น ปั้มหัวใจรอบแรก ฟื้นขึ้นมาแต่ยังไม่ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็น ต่อมาได้โทรไปถามอีก ว่าชีพจรไม่เต้นแล้ว หมอบอกให้สามีเซ็นต์เอกสารให้ผ่าตัด แต่ว่าเราอยู่ไกล ให้เขาเซ็นต์เลย ทางผู้ป่วยชีพจรหยุดเต้น แล้วจะทำอะไรได้
นางอำนวย มงคลสุภา แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวอีกว่า ตนเองติดใจเรื่องรักษาล่าช้า ตามหลักมาครั้งแรกรู้ว่าครรภ์เป็นพิษประวัติเขาก็มี สมุดประจำตัวของโรงพยาบาล เขามีประวัติอยู่แล้ว กรณีแบบนี้ก็ต้องรับรักษา น่าจะผ่าตัดเอาเด็กออกก่อน ตามหลักแม่จะไม่เสียชีวิต เด็กเสียไม่ติดใจเอาความ ถ้าแม่รอดเราก็โอเค แต่ไม่รอดทั้งแม่ ทั้งหลาน เราเสียหายเราฟังแล้วช๊อคเราเป็นยายและลูกอีกคนที่ตังเล็ก ๆ ยังเดินไม่ได้เลย จะทำมาหากินต่อยังไง อยากให้โรงพยาบาลชดเชยค่าเสียหาย อย่างน้อยเด็กก็จะมีกินต่อยังกินนม แล้วยายก็ลำบาก ปู่ย่าก็ลำบาก อาชีพหลักทำนา อาชีพเสริมก็ไม่มี อยากให้ดรงพยาบาลรับผิดชอบส่วนที่ขาดหายไป ถามว่าคุ้มไหม มันไม่คุ้มหรอก 2 ชีวิตพร้อมกัน ไม่คุ้มแต่อยากให้มาดูแลบ้าง ไม่ใช่ทิ้งขว้างเราแบบนี้ ท้องแรกก็เป็นแบบนี้ แต่ว่าหมอก็ถามจะเอาไว้แม่หรือลูก น้องบอกว่าใครก็ได้รอดทั้ง 2 คน ครั้งนั้นเขารีบรักษาเด็กก็รอด แม่ก็รอด แม่แข็งแรงมาก และแม่มีประวัติเป็นความดัน ได้ฝากท้องที่โรงพยาบาลมุกดาหาร ข้องใจรักษาล่าช้า คามหลักผู้ป่วยโคม่า น่าจะเข้าห้อง ICU ห้องอะไรก็ได้ที่รอด ส่วนเอกสารเอาทีหลังได้ไหม อยากได้แค่นั้น
ด้านนายแพทย์ พงษ์วิทย์ วัชรกิตติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมุกดาหาร กล่าวว่า ขอนำเรียนชี้แจงจากการเสียชีวิตของ นางสาว อัมภิกา สุพร ซึ่งเป็นการตั้งครรภ์เป็นท้องที่ 2 สาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจากมดลูกปลิอาจทำให้มีภาวะแทรกซ้อน ทำให้เลือดออกในช่องท้อง ทำให้ผู้ป่วยมีภาวะช๊อคเสียชีวิต จากการดูประวัติเดิม จะเห็นว่าในรายนี้ก็มีความเสี่ยง ครรภ์แรกตั้งครรภ์เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 และอีกไม่นานประมาณ 5 เดือน ก็มาตรวจที่โรงพยาบาลมุกดาหาร ปรากฏว่ามีการตั้งครรภ์เป็นครั้งที่ 2 คือครรภ์นี้ ถ้าเกิดตั้งครรภ์ติดกันไม่เกิน 2 ปี ก็จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะมดลูกปลิได้ และอีกประเด็นหนึ่ง การดูแลคนไข้รายนี้ คนไข้ได้มาที่โรงพยาบาลเมื่อเวลา 16.30 น. ในวันที่ 27 ธ.ค. จากนั้นไม่กี่นาทีทีมคณะแพทย์ห้องฉุกเฉิน ได้เข้าไปดูก็พบว่า คนไข้มีอาการหอบ ค่อนข้างเยอะ และซีด ตอนนั้นความดันไม่ตก มีภาวะซีด ระหว่างที่ให้การดูแลมีการให้น้ำเกลือ เจาะเลือด การให้ออกซิเจนคนไข้อยู่ ไม่ถึง 15 นาที คนไข้เกิดหยุดหายหัวใจหยุดเต้น ทางทีแพทย์ห้องฉุกเฉินนอกจากได้ปั้มหัวใจคนไข้ ได้ฟื้นคืนชีพ ก็ได้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่หมอสูติกรรม ก็ได้มาดูอย่างรวดเร็ว ประมาณ 15-16 นาที มีหมอทางด้าน อายุรกรรม ทางด้านหัวใจเข้ามาดูด้วย และจากการอัลตร้าซาวด์ เบื้องต้นคิดว่าอาจจะเป็นภาวะที่มีเลือดออกในช่องท้อง เนื่องจากมดลูกปลิ ทางทีมแพทย์ยังได้ปรึกษาแพทย์ศัลยกรรมด้วย ว่าร่วมกันตัดสินใจจะทำการผ่าตัดในรายนี้ไหม แต่ในช่วงที่ดูแลอยู่ คนไข้ก็มีหัวใจหยุดเต้น 6 ครั้ง ในแต่ละครั้งทีมแพทย์ได้ปั้มหัวใจช่วยชีวิต ทางแพทย์ปั้มหัวใจ 6 ครั้ง กินเวลาไป 2 ชั่วโมง และไม่สามารถดมยาสลบผ่าตัดได้ รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง แต่ก็ประเมินแล้ว อยู่ในภาวะฉุกเฉิน เร่งด่วนจริง พยายามจะยื้อชีวิตอย่างเต็มที่แล้วก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วย


อนุศักดิ์ – เสาวภา แสนวิเศษ // มุกดาหาร