ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 ว่าศาล จ.อุดรธานี มีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ “ครูใหญ่” แนวร่วมคณะราษฎร หลังจากที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี นำตัวครูใหญ่ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดอุดรธานี เมื่อเช้าวันนี้ หลังถูกจับกุมในข้อกล่าวหา “ยุยงประชาชนก่อความไม่สงบ” ตามหมายศาล จ.อุดรธานี ที่ถูกจับกุมจาก กทม.นำตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.อ.เมืองอุดรธานี ตั้งแต่ 22.00 น.วานนี้ ซึ่ง นายพัฒนะ ศรีใหญ่ ทนายความ นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชสาว จ.ขอนแก่น เดินทางมาใช้ตำแหน่งขอประกันตัว
โดยมีกลุ่มอุดรจะไม่ทน และ กลุ่มคนเสื้อแดง ประมาณ 20 คน เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ พร้อมมารดาของ นายอรรถพลฯ ที่เดินทางมาจาก จ.ขอนแก่น และออกมาร่วมถ่ายรูปกัน ที่บริเวณหน้าศาลหลักเมืองอุดรธานี พร้อมรับปาดว่า จะเดืนทางมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มอุดรจะไม่ทน และ กลุ่มคนเสื้อแดง ที่จะชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 28 พฤศจิกายน นี้ ที่หนองประจักษ์ศิลปาคม เทศบาลนครอุดรธานี
หลังจากนั้น นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ “ครูใหญ่” แนวร่วมคณะราษฎร เปิดเผยว่า ตนไม่ได้หวั่นไหวจากการถูกควบคุมตัว หรือการที่เข้าไปสู่พื้นที่การกักกัน หรือการขึ้นศาล เรายังยืนยันว่าแนวทางก่ารต่อสู้ของเรา เป็นไปตามวิถีระบอบประชาธิปไตย เย็นนี้เราจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ภาระกิจเดิมเรายังมีต่อ ส่วนเรื่องที่เกิดเหตุความรุนแรงเมื่อคืนนี้ที่อาคาร SCB เรื่องนี้ตนยังไม่ได้ตามข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทราบว่ามีการยิงปืน ซึ่งมันไม่ควรมีอันตรายเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งใดฝ่ายใด
“ขอตำหนิเรื่องที่ก่อนตนจะถูกควบคุมตัววานนี้ มีเจ้าหน้าที่ทราบว่าเป็นทหารจำนวนหลายพันคน ที่ไม่แต่งเครื่องแบบในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าท่านจะปฏิบัติหน้าที่อะไรก็ตาม ท่านควรแต่งเครื่องแบบ เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ที่ควรแต่งแครื่องแบบ แต่ไม่แต่งเครื่องแบบ สังคมนี้ก็จะหมดเวลาในการให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบแล้ว”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบว่ายังมีหมายจับอีกในหลายพื้นที่ ครูใหญ่ ตอบว่า ตนยังไม่ทราบว่ามีหลายจับที่ใดอีก แต่หมายจับที่จับตนเมื่อวานนี้วันที่ 25 พฤศจิกายน อต่ออกหมายจับเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน แล้วก็มาจับตนอย่างเร่งด่วน ก็คงเป็นการสกัดกี่นไม่ให้ตนไปเข้าร่วมการชุมนุม แต่ก็สกัดกั้นได้ไม่กี่ครั้ง การชุมนุมเรามีตลอด หรือสกัดกั้นตน ก็ไม่สามารถสกัดกั้นพี่น้องประชาชนได้ กหหารชุมนุมครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่แกนนำ สิ่งที่เป็นแกนนำคือประเด็น ข้อเรียกร้อง ดังนั้นนอกจากข้อเรียกร้องแล้ว ไม่มีใครที่สามารถยุยงปลุกปั่นให้พี่น้องออกมาชุมนุมได้ ถึงแม้ว่าจะจับตน จับโตโต้ จับอานนท์ จับรุ้ง จับเพนกวิน จับไมค์ ตับไผ่ จับใครก็ตาม ถ้าท่านจับ 3 ข้อเรียกร้องของเราไม่ได้ ท่านก็ไม่สามารถยุติการชุมนุมได้
“วันนี้ถ้ากลับไปกรุงเทพฯ แล้วถูกจับอีก ถ้าเจ้าหน้าที่จะจับ ก็ขอให้แจ้งผมมาก่อน ผมจะได้กินข้าวก่อน เมื่อว่านนั้ผมขอตำหนินิดหนึ่ง ผมยังไมได้กินข้าวตั้งแต่เช้ายันเย็น ได้มากินข้าวเช้าตอน 3 ทุ่ม ฉะนั้นหากจะมาจับผม ก็ขอให้แจ้งมาก่อน ผมจะไปกินข้าวรอ และจะได้ปักหมุดส่งโลเคชั่นให้ ว่าจะให้ไปจับผมที่ไหน ผมจะได้นั่งกินอร่อย ๆ รอ”
นายอรรถพล หรือ ครูใหญ่ บอกอีกว่า ฝากให้พี่น้องประชาชนสู้กันต่อไป ศึกครั้งนี้อาจจะยืดยาว ยืดเยื้อ แต่เราไม่ได้จะเอาชนะ เพื่อเอาพื้นที่ทางอำนาจ แต่เราต้องเอาชนะ เพื่อเอาพื้นที่ทางความคิด เพื่อเอาพื้นที่ทางอุดมการณ์ของสังคมให้ได้ ดังนั้นถ้าเราเอาชนะในพื้นที่อุดมการณ์ได้ ประเทศนี้จะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม ประเทศนี้จะไม่มีทางกลับไปสู่วังวนรัฐประหาร ประเทศนี้จะไม่มีทางกลับไปสู่วังวนเผด็จการ ประเทศเราต้องพัฒนาก้าวหน้ากว่านี้
นายพัฒนะ ศรีใหญ่ ทนายความ เปิดเผยว่า การที่ศาลให้ประกันตัวะเงนี้ มีเงื่อนไข คือ หากผู้ต้องหาไม่มาตามนัดของศาล ท่านจะปรับนายประกัน อยู่ที่ 1 แสนบาท คือ นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และมีข้อกำหนดเพิ่มเติมอยู่ท้ายคำสั่งนิดหน่อยว่า ห้ามผู้ต้องหา กระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย ที่เป็นข้อกำหนดกว้าง ๆ ไว้
นายอรรถพล หรือ ครูใหญ่ บอกอีกว่า เรื่องที่ศาลกำหนดเงื่อนไข ค่อนข้างกว้าง สำหรับตนมีความรู้สึก ที่ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ศาลว่า เป็นเงื่อนไขที่มีไว้จำกัดเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งการจับกุมแกนนำมีมานานแล้ว มากแล้ว แต่ถามว่าการจับกุมและแจ้งข้อหาเหล่านี้ ทำได้แค่เหมือนมดที่กัดเรา ก็เจ็บบ้าง รำคาญบ้าง แต่เราก็ไม่เคยคิดจะหยุด
