บึงกาฬ (ชมคลิป) ชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางร้องศูนย์ดำรงธรรม

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 30 ต.ค.นายแน่น จำปาศรี ประธานชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางจังหวัดบึงกาฬ พร้อมด้วยตัวแทนสมาชิกกองทุน 9 คนได้เข้าพบ นายโสภณ กิตติพะวงษ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบึงกาฬ เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีสำนักงานสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬ โดยนายสมพงษ์ บ่าพิมาย ผู้รับมอบอำนาจ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เซกา อ.เซกา จ.บึงกาฬ เมื่อ 26 ต.ค.ให้มาชี้แจงพร้อมกับนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของชุมนุมสหกรณ์ ในวันที่ 2 พ.ย.นี้

นายแน่น จำปาศรี กล่าวว่าที่พวกตนเดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำธรรมและท่านผู้ว่าราชการจังหวัดในวันนี้นั้น ก็เพื่อแจ้งให้ท่านได้รับทราบว่า หลังจากพวกตนได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน จึงได้ประชุมหารือกันว่าจะดำเนินอย่างไร จึงได้ตัดสินใจมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมว่าเหตุการณ์แบบนี้มันสมควรไหมที่พวกตนได้ถูกกระทำเช่นนี้ เพราะว่าคณะกรรมการชุมนุมสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬ ทั้ง 12 สหกรณ์ ได้ตัดสินใจกู้เงินธนาคารออมสินมา 10 ล้านบาทเพื่อมาสร้างโรงงานผลิตหมอนยางพารา เพื่อชาวสวนยางพาราบึงกาฬโดยเฉพาะ การดำเนินงานที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการประชุมแต่ละครั้ง ทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทางทุกคนต้องควักกระเป๋าจ่ายเอง ทั้งนี้ก็เพื่อดึงราคายางพาราให้สูงขึ้น เพื่อพี่น้องชาวสวนยาง แต่ผลสุดท้ายต้องถูกตั้งข้อหาจากเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ส่งเสริมเกษตรกรเสียเอง ขอถามท่านว่าพวกผมได้รับความเป็นธรรมไหม จึงอยากเรียนถามท่านผู้ว่าฯ ซึ่งเป็นพ่อเมืองว่าจะแก้ไขหรือช่วยเหลือเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งพวกตนสงสัยว่าในเมื่อมีการเรียกประชุมสอบถามชี้แจงกับสหกรณ์จังหวัดไปแล้วจนหมดข้อสงสัยและปิดงบดุลประจำปีไปได้แล้ว อยู่ๆ ก็มีหนังสือแจ้งว่ายกเลิกการปิดงบดุลที่ผ่านมา

นายแน่น จำปาศรี กล่าวต่อไปอีกว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ตนได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมถึง รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม ในหนังสือมีใจความว่า เรียน รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครื่องาม) ก่อนอื่นกระผมต้องขอขอบพระคุณท่านรองนายกเป็นอย่างสูงที่ได้มาเยี่ยมชมและให้กำลังใจแก่ชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางจังหวัดบึงกาฬ จำกัด เมื่อครั้งที่ผลิตหมอนยางพาราใบแรก หลังจากนั้นทางชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางจังหวัดบึงกาฬ จำกัด ก็ได้พยายามขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆ จนได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนบน จำนวน 193 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานการผลิตให้หลากหลายรูปแบบ แต่ก็ได้รับการกลั่นแกล้งจากหน่วยงานราชการด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้

  1. ไม่กำกับดูแลการก่อสร้างโรงงานให้แล้วเสร็จทันตามกำหนดเวลาทั้งๆ ที่ได้รับงบประมาณมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2560
  2. ทำให้งบประมาณตกไปก่อสร้างไม่ทัน คือ บ่อบำบัดน้ำเสีย แล้วอ้างว่าไม่มีผู้ประมูล (ไม่ทราบว่ามีความผิดหรือไม่ สำหรับหน่วยงานสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬ)
  3. จัดให้ชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางจังหวัดบึงกาฬ จำกัด เช่าอาคารโรงงาน ที่ดินจากธนารักษ์จังหวัดบึงกาฬในราดาที่สูง ทั้งๆ ที่ไม่มีความพร้อมที่จะเดินเครื่องจักรได้ คือ ไม่มีไฟฟ้าภายในโรงงาน
  4. ยกเลิกการรับรองบดุลของผู้ตรวจบัญชีของจังหวัดบึงกาฬ ทั้งๆ ที่ได้รับรองไปนานแล้ว
  5. แจ้งความดำเนินคดีอาญาแก่คณะกรรมการของชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางจังหวัดบึงกาฬ จำกัด ทั้ง 9 คนโดยข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ซึ่งทำให้พวกกระผมต้องได้รับโทษตามมาตรา 130 ทั้งๆ ที่พวกกระผมทำงานมาด้วยความเสียสละ สุจริต ทั้งแรงกาย แรงใจ แต่กลับต้องตกเป็นผู้ต้องหา ดังนั้น พวกกระผมจึงได้ขอให้ท่านรองนายกรัฐมนตรี ท่านวิษณุ เครืองาม ได้โปรดให้ความช่วยเหลือพวกกระผมโดยด่วนด้วย ลงชื่อ นายแน่น จำปาศรี ปธ.ชุมนุมสหกรณ์

นายโสภณ กิตติพะวงษ์ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่าได้เชิญ นายสดิษฐชัย หารมนตรี สหกรณ์จังหวัดบึงกาฬ ได้มาชี้แจงในกรณีแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าวแล้วว่า ได้ตรวจสอบการดำเนินกิจการของชุมนุมสหกรณ์ฯ และแจ้งให้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน ให้สหกรณ์จังหวัดฯทราบ แต่คณะกรรมการชุมนุมสหกรณ์ฯ เพิกเฉยในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ จึงแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อเรียกให้คณะกรรมการฯ มาชี้แจงข้อเท็จจริงและส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน เช่น ใบเสร็จค่าจัดซื้อที่ดินตั้งโรงงาน ใบเสร็จค่าจัดซื้ออุปกรณ์การก่อสร้างโรงงานเป็นต้น ซึ่งทางสหกรณ์จังหวัดบึงกาฬจะเชิญคณะกรรมการชุมนุมสหกรณ์  ประชุมชี้แจงทำความเข้าใจในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง.

ปวิณชัย บุญพิเชฐ   บึงกาฬ //