อนุทิน-ศักดิ์สยาม-มนัญญา เปิดโครงการนำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน (Kick Off) จังหวัดสตูล พร้อมชมการสาธิตขั้นตอนการผลิต “แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต” และ “หลักนำทางยางธรรมชาติ” ด้วยฝีมือคนไทย ตะลึง ราคายางพารา พุ่งทะลุ มากกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว
.
วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นายพิบูลย์ รัชกิจประการ นายวรศิษฐ์ เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล พรรคภูมิใจไทย พร้อมข้าราชการระดับสูงกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการนำน้ำยางพารา มาใช้เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยทางถนน (Kick Off) ที่บริเวณทางหลวงหมายเลข 404 กิโลเมตรที่ 102+150 ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล
.
นายอนุทิน กล่าวในพิธีเปิด โดยได้แสดงความชื่นชมโครงการผลิต “แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต” และ “หลักนำทางยางธรรมชาติ” สามารถที่จะช่วยลดแรงปะทะที่เกิดจากการชน ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน ประกอบกับมีสัดส่วนการใช้น้ำยางพารา เป็นส่วนผสมจำนวนมาก ซึ่งเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพารา สร้างรายได้ โดยตรงให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางพาราไม่ต่ำกว่า ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท
.
“โครงการนี้จะสร้างความมั่งคั่ง สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรโดยตรง ในสัดส่วนที่มากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนให้แก่พี่น้องเกษตรกร ด้วยการเรียนรู้ และต่อยอดองค์ความรู้ในการเพิ่มมูลค่าผลผลิต ซึ่งจะทำให้เกษตรกรชาวสวนยางพารา มีรายได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต เป็นการสร้างเสถียรภาพด้านราคายางพาราในประเทศให้มากขึ้นอีกด้วย”นายอนุทิน กล่าว
.
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า โครงการนี้คือนโยบาย “Thai First ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้ก่อน”เพราะผลิตคิดค้นโดยคนไทย นำสินค้าที่ผลิตมาใช้ในประเทศ ในช่วงแรกของโครงการ เงินรายได้เข้าถึงมือเกษตรกรชาวสวนยางโดยตรง ซึ่งจะมีสัดส่วนที่ถึงมือเกษตรกรสูงถึง 70 % หรือ 3 หมื่นล้านบาท
.
ด้านนายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ถือเป็นความสำเร็จของกระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการทำโครงการนำน้ำยางพารา มาใช้เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยทางถนน ส่งผลให้เกิดเสถียรภาพในด้านราคายางพาราอย่างยั่งยืน โครงการระยะแรก เฉพาะแผ่นยางพาราหุ้ม จะเสื่อมสภาพใน3ปี จะมีการผลิตทดแทนในปีที่4 และทดแทนในทุกๆปี
.
“ครบ 3 ปี จะต้องเปลี่ยนเฉพาะ rubber fender 1/3 เพราะ rubber fender มีอายุ ใข้งานกลางแจ้ง ได้ ครั้ง ละ 3 ปี ซึ่งจะทำ ให้ต้องมีการสร้าง rubber fender ทดแทนทุกปี เริ่มจาก ปี 2566 เป็น ต้นไป ซื่งจะต้องใช้น้ำยางดิบ ปีละ ประมาณ 3.5 แสนตัน ในการผลิต rubber fender สำหรับ concrete barriers เมื่อดำเนินการติดตั้ง แล้ว สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยทางถนนได้ตลอดไป”รมว.คมนาคม กล่าว
.
ขณะที่นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า หลังจากที่มีการเซ็นบันทึกความร่วมมือระหว่าง กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงคมนาคม ในเรื่องการผลิต“แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต” และ “หลักนำทางยางธรรมชาติ” เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563 แล้วนั้นปรากฎว่า ราคายางพารามีการทุบสถิติเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขณะนี้ทราบว่าน้ำยางพารามีราคาเพิ่มสูงขึ้นถึง 60 กว่าบาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพารา ที่จะมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็นส่วนช่วยสำคัญที่จะทำให้เกิดสถียรภาพของราคายางพาราในประเทศไทย
.
“ดิฉัน เชื่อมั่นว่า ราคายางพารา แม้จะมาจากหลายปัจจัย แต่ 2 โครงการ ที่ทำ คือ แผ่นยางครอบแบริเอ่อร์ และเสาหลักนำทาง ที่ดูดซับปริมาณน้ำยางพารา จะช่วยทำให้ราคายางพาราเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีเหตุผล ตามกลไกตลาดที่สะท้อนออกมาตลอดไป เกษตรกรชาวสวนยางจะได้มีเงินมีทองเพิ่มมากขึ้น”รมช.เกษตร กล่าว
.
สำหรับการเปิดโครงการที่จังหวัดสตูล นั้นเพราะเครื่องผลิต“แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต” ได้จัดทำและประสบความสำเร็จโดยความร่วมมือของ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ประกอบเครื่องมือดังกล่าวสำเร็จที่จังหวัดสตูล เป็นที่แรกของประเทศไทย โดยขณะนี้มีโครงการอบรม ขยายความคิดในการทำเครื่องมือดังกล่าวไปในกลุ่มชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยาง วิสาหกิจ ในจังหวัดอื่น ๆ อีกหลายแห่ง เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับประชาชน