วันที่ 29 สิงหาคม 2563 เวลา 07.00 น. ร.ต.อ.รณภพ ทิพย์สุวรรณ รอง สว.สอบสวน สภ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ มีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ที่หน้าบ้านเลขที่ 97 หมู่ 9 บ้านโนนวารี ต.บ้านผือ จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.จันทวี ชาวชายโขง รอง ผกก.สอบสวน สภ.บ้านผือ , พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ พรสงวนทรัพย์ สวป.สภ.บ้านผือ , ร.ต.อ.มนต์ชัย พลายแสง รอง สว.สส. สภ.บ้านผือ นำกำลังพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร รพ.บ้านผือ อาสากู้ภัยส่งเสริมธรรม อาสากู้ภัยทางหลวง รุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมาก มุงดูศพนางหนูจันทร์ เจริญชนม์ อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 186 หมู่ 9 บ้านโนนวารี ต.บ้านผือ อ.บ้านเผือ จ.อุดรธานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนบริเวณใต้ราวนมขวา 1 นัด กระสุนฝังใน นอนหงายเสียชีวิตอยู่ริมถนน สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อสีน้ำตาล ผ้าถุงลาย ใกล้ศพพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน 1กธ 3996 อุดรธานี ของผู้ตายจอดอยู่ มีตะกร้าสีส้มใส่กระติบข้าวเหนียว และอาหารเตรียมไปวัด วางอยู่บนเบาะ
ส่วนมือปืนที่ก่อเหตุคือนายปรีชา ปัญญาสาร อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 9 บ้านโนนวารี ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี หลานชายผู้ตาย หลังก่อเหตุได้ถือปืนวิ่งหลบหนีเข้าไปในบ้าน ก่อนจะไปทุ่งนาหลังบ้าน และนั่งอยู่คันนาใต้ต้นหว้า ห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร ตำรวจได้นำนางปรีดา ปัญญาสาร อายุ 50 ปี ,นางแก่นจันทร์ จันทะนาคา อายุ 21 ปี แม่และเมียไปเกลี่ยกล่อมนายปรีชา ให้วางปืนและมอบตัวกับตำรวจ แต่นายปรีชาไม่ยอมมอบตัว แถมยังพูดพล่ามไปต่างๆ นานา ประมาณ 30 นาที นายปรีชา ได้ใช้ปืนสั้นไทยประดิษฐ์ขนาด .38 ยิงขมับซ้ายกระสุนทะลุขมับขวา เสียชีวิต ต่อหน้าแม่และเมีย สภาพศีรษะจุ่มน้ำ ขาพาดคันนา อาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์วางอยู่รักแขนขวา
จากการสอบสวนนางปรีดา แม่นายปรีชามือปืน ให้การว่า นายปรีชาเป็นลูกชายคนโต เปิดอยู่ซ่อมซ่อมรถยนต์อยู่ข้างบ้าน และอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับนางแก่นจันทร์ จันทะนาคา อายุ 21 ปี ชาวลาว และกำลังตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน เคยมีอาการทางจิตประสาท และพาไปรักษาและกินยาจนอาการดีขึ้น แต่เมื่อวานนี้นายปรีชา มีอาการกำเริบ บอกว่าจะผ่าท้องเมียนำมาทำลูกกรอก เพราะถ้าไม่มีสามีแล้วจะลำบาก แถมไม่นอนและเดินอาละวาดทั้งคืน ส่วนเรื่องยิงนางหนูจันทร์ น่าจะโกรธที่นางหนูจันทร์มาอบรมสั่งสอน เพราะอาละวาดทั้งคืน ทำให้ไม่ได้หลับไม่ได้นอน จึงถูกนายปรีชายิง ส่วนปืนตนก็ไม่ทราบว่านายปรีชา เอามาจากไหน และเป็นคนถนัดซ้าย
นางแก่นจันทร์ จันทะนาคา อายุ 21 ปี ชาว สปป.ลาว ภรรยานายปรีชา ให้การด้วยน้ำตานองหน้า อยู่กับสามีมา 1 ปี ขยันทำมาหากิน รักเมีย ตั้งแต่ตั้งครรภ์ก็ไม่เคยให้ทำงานหนัก อยากเห็นหน้าลูกเร็วๆ แต่พอมีอาการกำเริบเมื่อวานนี้ ก็ให้บัตรเอทีเอ็ม สั่งว่าให้เก็บไว้เลี้ยงลูก เพราะกลัวว่าจะไม่ได้อยู่ กลัวตนและลูกจะลำบาก แต่เมื่อคืนนี้บอกว่าจะผ่าท้องตนเอาลูกไปทำลูกกรอก และไม่ยอมนอนทั้งคืน กระทั่งมาก่อเหตุยิงยายและยิงตัวเอง
ส่วนนายปริญญา เจริญชนม์ อายุ 39 ปี ลูกชายนางหนูจันทร์ ผู้ตาย ให้การว่า นายปรีชา เคยอาละวาด พ่อแม่ห้ามไม่ฟัง จึงเรียกญาติรวมทั้งนางหนูจันทร์มาอบรมสั่งสอนให้เชื่อฟังพ่อแม่ ก่อนเกิดเหตุ แม่เตรียมอาหารกำลังจะขี่รถจักรยานยนต์ไปวัด แต่พบนายปรีชายืนอยู่หน้าบ้าน จึงได้จอดรถลงมาพูดสั่งสอนสั่งสอนนายปรีชา ที่อาละวาดพ่อแม่และเมียเมื่อคืนว่า ให้เลิกอาละวาด ให้เชื่อฟังพ่อแม่ เพราะคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงไม่ได้หลับไม่ได้นอน ซึ่งแม่พูดด้วยความหวังดี แต่ทำให้นายปรีชาโกรธและยิงแม่ 1 นัดบริเวณใต้ราวนมขวา จนแม่ล้มทั้งยืนเสียชีวิตอยู่หน้าบ้าน
นายหนูเที่ยง หงส์ทอง นายก อบต.บ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี บอกว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปี พ่อแม่นายปรีชามาปรึกษาว่า นายปรีชาไปเปิดอู่ซ่อมรถที่ สปป.ลาว และเสพติดยาบ้าจนมีอาการหลอน จึงนำตัวกลับมาบ้าน ตนจึงแนะนำให้พาไปรักษาที่โรงพยาบาล จ.ขอนแก่น จนมีอาการดีขึ้น และเปิดอู่ซ่อมรถข้างบ้าน แต่นายปรีชาจะมีอาการกำเริบเป็นครั้งคราว รวมทั้งเมื่อวานและเมื่อคืนนี้ว่าจะผ่าท้องเมียเอาลูกมาทำลูกกรอก พอตอนเช้านางหนูจันทร์ได้มาสั่งสอนหลานก่อนไปวัด แต่ก็มาถูกยิงตาย นายปรีชาได้เข้าไปหลบในบ้าน พอตำรวจมาก็หนีไปทุ่งนา และยิงตัวตายตาม
ร.ต.อ.รณภพ ทิพย์สุวรรณ รอง สว.สอบสวน สภ.บ้านผือ เปิดเผยว่า นายปรีชา ผู้ก่อเหตุมีอาการทางประสาท มีประวัติการรักษา มักจะอาละวาดเป็นประจำ พ่อแม่ได้เรียกตำรวจออกไประงับเหตุ นำตัวไปสงบสติอารมณ์ ประจำ แต่อาการกำเริบและอาละวาดอีก และไม่ยอมนอนทั้งคืน แต่ไม่มีใครแจ้งตำรวจให้ระงับเหตุ อีกทั้งมีอาวุธปืน ทำให้ยิงยายและยิงตัวเองตายหนีความผิด