หากพูดถึงเรื่องท่องเที่ยวเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน จ.กาฬสินธุ์ เมืองรองที่กำลังเป็นที่น่าจับตามอง อนาคตกำลังสดใสจากการจัดอีเวนต์ใหญ่ๆ ระดับจังหวัด ภายใต้การสนับสนุนและขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวของนายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ไม่ว่าจะเป็นงานมาฆปุรณี ที่บริเวณเมืองฟ้าแดดสงยาง ทะเลธุง ที่บริเวณโบราณสถานพระธาตุยาคู มีการออกร้านจากการระดมของดี 18 อำเภอมาวางจำหน่าย ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมวันละหลายแสนคน ยอดเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท อีกทั้งการจัดงานที่ขับเคลื่อนด้วยภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวยังทำให้ “กาฬสินธุ์” เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ และพร้อมที่จะขยับสู่เมืองหลักของการท่องเที่ยว
แต่เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ที่มาแรงจน ทุกอย่างต้องชะงักและหยุดพักชั่วคราว ทำให้กระแสด้านการท่องเที่ยวหยุดนิ่ง กระทั่งมาตรการผ่อนคลาย มวลชนด้านการท่องเที่ยวเริ่มเคลื่อนไหวภายใต้สโลแกน “New Normal” หรือชีวิตวิถีใหม่ การท่องเที่ยววิถีใหม่ในภาวะสถานการณ์โควิด-19 นักท่องเที่ยวจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เช่นเดียวกันกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยว ที่จะต้องมีการจัดระบบใหม่เพื่อต้อนรับ “นักท่องเที่ยววิถีใหม่”
เมืองท่องเที่ยวอย่าง อ.สหัสขันธ์ ในห้วงสถานการณ์โควิด-19 ตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวเฉลี่ยวันละ 500 -1,000 คน ต่อวันหดหายไป ร้านค้า ร้านอาหารต้องปิดตัวลง พร้อมกับสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์สิรินธร จุดพักผ่อนตามธรรมชาติแหลมโนนวิเศษ จุดชมวิวสะพานเทพสุดา วัดพุทธนิมิต (ภูค่าว) วัดพุทธาวาสภูสิงห์ และชุมชนท่องเที่ยวที่อยู่ในพื้นที่ อ.สหัสขันธ์ ทั้ง 5 จุดเนื่องจากต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จนกระทั่งมีมาตรการผ่อนคลายสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เริ่มเปิดตัวภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนดตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากเมืองที่เงียบเหงาเริ่มกลับมาคึกคัก สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก และโฮมสเตย์เริ่มมียอดจองเข้ามาต่อเนื่อง ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งได้ปรับวิถีใหม่ตามรูปแบบที่ทางภาครัฐกำหนดไว้ โดยเฉพาะที่ยอดเขาภูสิงห์ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเสมือนแลนด์มาร์กของสหัสขันธ์ ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวจำนวนมากในทุกวัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวนำร่องของ อ.สหัสขันธ์ ที่เริ่มปรับเปลี่ยนเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยววิถีใหม่ พร้อมกับการยกระดับมาตรฐานของผู้ประกอบการที่จะต้องเข้าร่วมอบรมการเข้าสู่ระบบลงทะเบียนผู้ประกอบการบนแอปพลิเคชันไทยชนะ
ขณะที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ได้วางระบบการเข้าชมของพิพิธภัณฑ์สิรินธร ที่ได้ผ่านการประเมินมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุข (SHA) พร้อมเปิดให้บริการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไปหลังพิพิธภัณฑ์สิรินธรได้ปิดให้บริการเข้าชมนานถึง 3 เดือน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าว ตามนโยบายของคณะกรรมการโรคติดต่อ แต่ก็ได้ให้บริการในรูปแบบ Virtual Museum และการติดต่อสื่อสารผ่านทางช่องทางออนไลน์ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ประชาชน ได้ศึกษาโลกบรรพชีวินยุค 100 ล้านปี 150 ล้านปี หรือ 250 ล้านปีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ยังคงเตรียมการปรับปรุงซ่อมแซม และเตรียมแผนพัฒนาการให้บริการ เพื่อให้พร้อมกับการกลับมาให้บริการอีกครั้งเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย
จากข้อมูลที่ผ่านมาจะพบว่ามีนักท่องเที่ยวมาชมพิพิธภัณฑ์วันละ 1,000-2,000 คน แต่เนื่องจากปิดการบริการตลอด 3 เดือนดังกล่าว ที่อาจจะเกิดภาวการณ์อัดอั้น เมื่อจะเปิดให้บริการอีกครั้ง จึงคาดว่าน่าจะมีนักเที่ยวเที่ยวมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหัวใจสำคัญที่สุดคือในการเปิดให้บริการของพิพิธภัณฑ์ในระยะผ่อนปรนระยะ 4 ต้องรักษามาตรการป้องกันและปลอดภัยจากโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้น ทั้งในส่วนของการคัดกรอง และรักษาระห่างตาม สโลแกนมาตรการระยะห่าง 1 รอยตีนไดโนเสาร์
พระครูสิริพัฒนนิเทศก์ รองเจ้าคณะอำเภอสหัสขันธ์ ประธานสงฆ์วัดไตรภูมิ – วัดพุทธาวาสภูสิงห์ กล่าวว่า ภายใต้นิยาม New Normal หรือชีวิตวิถีใหม่ ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดในช่วงภาวะสถานการณ์โควิด-19 ที่ทั่วโลกยังอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง ขณะที่ในประเทศไทยเองถือว่าได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประชาชนคนไทย การอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ แม้จะส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันของประชาชน วัดพุทธาวาส ภูสิงห์ ซึ่งอยู่บนยอดเขาภูสิงห์ พุทธสถานที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้ปิดเขางดให้ประชาชนขึ้นมากราบไหว้พระพุทธปฏิมากร และจุดชมวิวลานธรรมมรรค 8 และเมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ในการเปิดวัดให้ประชาชนได้ทำบุญ และร่วมกิจกรรมกับวัดด้านอื่นๆ จำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการวางกฎระเบียบให้สอดคล้องกับทาง ศคบ.ส่วนกลาง ซึ่งทางวัดพุทธาวาสภูสิงห์ ได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
“ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ ชาวบ้าน หรือส่วนอื่นใด ก็ต้องปฏิบัติตัวตามที่รัฐกำหนดทั้งหมดทั้งมวลนั้น ก็เพื่อความปลอดภัยของชีวิตตนเอง สำหรับที่วัดพุทธาวาสภูสิงห์ นอกจากจะเป็นวัดแล้วส่วนหนึ่งคือสถานที่ท่องเที่ยว จึงต้องมีการกำหนดการขึ้นมากราบไหว้พระพุทธปฎิมากรพระพรหมภูมิปาโล และชมวิวบนลานธรรมมรรค 8 บนยอดเขาภูสิงห์ และเข้าวัดพุทธาวาสภูสิงห์เพื่อประกอบศาสนกิจ โดยนักท่องเที่ยวจะต้องลงชื่อหรือสแกนคิวอาร์โคดแอปพลิเคชั่นไทยชนะที่ติดตั้งไว้ให้ทุกคน ล้างมือด้วยเจลหรือแอลกอฮอล์ที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ รับการตรวจวัดไข้ ทุกคนต้องสวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยและร่วมกิจกรรม ต้องเว้นระห่างกันแต่พอดี ซึ่งทั้งหมดเป็นมาตรการหลักที่วัดได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยมีทางอำเภอสหัสขันธ์ และทต.โนนบุรี ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาแนะนำ ตลอดจนช่วยเหลือในการดูแลแนะนำนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวที่วัด” พระครูสิริพัฒนนิเทศก์กล่าว
นายตระกูล หนูนิล นายอำเภอสหัสขันธ์ กล่าวว่าก่อนที่จะเปิดสถานที่ท่องเที่ยวของอ.สหัสขันธ์ เบื้องต้นได้เชิญทางผู้ประกอบการ ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก ตัวแทนแหล่งท่องเที่ยวเข้าประชุมและดำเนินการลงทะเบียนผู้ประกอบการในระบบแอปพลิเคชั่นไทยชนะ ขณะที่พื้นที่อ่อนไหวบริเวณแหลมโนนวิเศษ ได้เข้าไปจัดการด้านความปลอดภัย และยังควบคุมการใช้พื้นที่อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการตั้งวงดื่มสุราเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งมั่วสุม โดยจัดให้เป็นพื้นที่ออกกำลังกาย ชมวิวเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวหลักได้จัดระบบการเข้าเที่ยวชมใหม่ โดยเน้นการเข้าออกทางเดียว มีจุดคัดกรอง และติดตั้งแอปพลิเคชั่นไทยชนะ หรือจุดลงชื่อ ให้มีความเคร่งครัดในมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด รวมถึงร้านอาหาร โรงแรมที่พัก และโฮมสเตย์ที่ต้องยึดปฏิบัติตามแนวทางเดียวกัน พร้อมกับกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปดูแล อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวให้ครอบคลุมพื้นที่ เพื่อก้าวสู่เมืองท่องเที่ยวปลอดภัยอย่างสมบูรณ์แบบ
“ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่โอบล้อมด้วยน้ำเขื่อนลำปาว สลับกับภูเขาที่เป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ที่ภูกุ้มข้าวมีวัดป่าสักกะวัน พิพิธภัณฑ์สิรินธร บนยอดภูสิงห์ ที่ประดิษฐานของพระพุทธปฏิมากรพระพรหมภูมิปาโล วัดพุทธาวาสภูสิงห์ ซึ่งสามารถชมทัศนียภาพที่สวยงามของสหัสขันธ์ได้โดยรอบ บริเวณเชิงเขาจุดบันไดสวรรค์ ยังเป็นที่เช็คอินของนักท่องเที่ยวและใช้เป็นเส้นทางออกกำลังกาย ภูค่าว วัดพุทธนิมิต ที่มีพระพุทธไสยาสน์ตะแคงซ้าย สมัยทวารวดีจำหลักอยู่บริเวณหน้าผา อุโบสถไม้จากใต้เขื่อนลำปาว พระมหาธาตุเจดีย์และลานพระใหญ่4 อิริยบท นอกจากนี้ยังมีชุมชนท่องเที่ยวสหัสขันธ์ไดโนโรด ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมกิจกรรมตักบาตรทุกวันเสาร์หรือจะเลือกพักผ่อนริมเขื่อนลำปาวที่มีร้านอาหารอร่อย ปลาเผา กุ้งเผา อร่อยให้บริการ หรือจะเลือกมาเที่ยวสหัสขันธ์แบบ 2 วัน 1 คืน แบบหมู่คณะ ร่วมทำกิจกรรมทานพาแลง เต้นคองก้า นอนโฮมสเตย์ นั่งรถรางเที่ยวชมเมืองสหัสขันธ์ ซึ่งก็มีเพคเกจท่องเที่ยวเตรียมไว้รองรับไว้ตลอดทั้งปี” นายอำเภอสหัสขันธ์กล่าว
นายอำเภอสหัสขันธ์ยังกล่าวอีกว่า นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายแล้ว งานประเพณีสำคัญของคนสหัสขันธ์ ยังเป็นอีกหนึ่งจุดขายของการท่องเที่ยว อ.สหัสขันธ์ เริ่มจากกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีบนยอดเขาภูสิงห์ ในเดือนเมษายน ระหว่างวันที่ 12 – 15 เมษายน ประเพณีสรงน้ำพรพระหมภูมิปาโล และทะเลมรกตอีสานสงกรานต์แหลมโนนวิเศษ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวหลายหมื่นคนต่อวัน ขณะที่บุญใหญ่งานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ สักการะพระประชาชนบาล ในเทศกาลออกพรรษาซึ่งจัดต่อเนื่องมาแล้ว 15 ปี ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 50,000 คน มาร่วมกิจกรรมบุญอย่างเนืองแน่น สำหรับปี 2563 ได้กำหนดวันจัดงานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ สักการะพระประชาชนบาล นมัสการพระพรหมภูมิปาโล ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 5-11 ตุลาคม 2563 โดยมุ่งเน้นไปในด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูกลุ่มอาชีพ สินค้าโอทอป ผสมผสานกับงานประเพณีที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน
ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่ราบสูงสลับภูเขา โอบล้อมด้วยน้ำสายธารใหญ่เขื่อนลำปาว การปรับตัวและพัฒนาเมืองอย่างต่อเนื่องของ อ.สหัสขันธ์ ตอบโจทย์การขยับขึ้นสู่เมืองท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด ด้วยกลไกในการขับเคลื่อนพัฒนาต่อยอดและสืบสานวิถี ประเพณีที่ดีงามของคนสหัสขันธ์ได้อย่างเหนียวแน่น สถิติตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดหลังการผ่อนปรนจากสถานการณ์โควิด-19 จากหลักร้อยสู่วันละ 2,000 – 3,000 คนต่อวัน เป็นที่ยืนยันได้ว่า อ.สหัสขันธ์ ได้รับความสนใจมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวตลอดทั้งปี