หนองบัวลำภู(ชมคลิป)ตามหาความฝัน หนุ่มสุรินทร์ถิ่นเมืองช้างกับสาวเจ้าเมืองหนองบัวลุ่มภูเคียงคู่กันสร้างฝัน


2 สามีภรรยาสำนึกรักบ้านเกิดทิ้งเงินเดือน 6 หลักกลับมาผลิกพื้นดินตามศาสตร์พระราชา ต่อยอดด้วยแนวทางโคกหนองนา และการจัดการปลูกพืช 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่างท่ามกลางถ้อยคำที่ดูถูกและให้กำลังใจ ถามว่าทำไปทำไม สุดท้ายเป็นคือความพึงพอใจเพื่อความเจริญ ความสุขใจ สุขกาย แบบพอประมาณ พอดีกับสถานะ
เมื่อเร็วๆนี้ ผู้สื่อข่าวมีโอกาสแวะเข้าชมบรรยากาศภายในไร่ชาล์ลีดัมม์ ณ บ้านห้วยหว้า หมู่ที่ 3 ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู บนพื้นที่ทำไร่นาสวนผสม 10 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่น้ำ 30% โคก 30% แปลงนา 30% ที่อยู่อาศัย 10% พบ 2 สามีภรรยาชาวจังหวัดสุรินทร์ ถิ่นเมืองช้าง และสาวเจ้าเมืองหนองบัวลุ่มภู(จังหวัดหนองบัวลำภู) นายศิริชัย คิดสำราญ และนางสาวตติยา คิดสำราญ จากอดีตเคยทำงานในออฟฟิตมีรายได้รวมกัน 120,000 กว่าบาท ต้องหวลกลับมาผลิกแผ่นดินบ้านเกิด พร้อมๆกับมี นายวิพัฒน์ วงษ์ชารี ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองบัวลำภู ร่วมวงสนทนา
นายศิริชัยฯ หรือโอ บอกว่ามันเป็นเรื่องไม่ง่ายนักที่จะสร้างธรรมชาติในพื้นที่ซึ่งเป็นที่ราบสูง และปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยน้อยกว่า 1,000 มม. แต่เขาต้องใช้เวลาให้ธรรมชาติเติบโต หลังจากที่ลงมือทำ ด้วยใจที่ศรัทธาใน พระราชาผู้ยิ่งใหญ่ ที่เราเรียกว่า”พ่อหลวง” 6 มีค.62 คือวันแรกที่เริ่มการขุดพื้นที่ ปลุกดินแดนให้ตื่นจากการหลับในความแห้งแล้ง และไม่มีใครสนใจมานาน “ชาล์ลีดัมม์ โปรเจ็ค” คือที่มาของการก่อร่างสร้างตัวของ 2 สามีภรรยาโดย เริ่มลงมือกันเมื่อ 6 มีนาคม 2562- จนถึงปัจจุบัน
ศิริชัยฯ หรือ โอ และภรรยา บอกว่าในสมัยทำงานประจำอยู่ ได้ใช้เวลาเดินทางออกไปท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ เกือบทั้งประเทศ โดยได้มีโอกาสได้พบเห็นโครงการหลวง ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ได้ทรงพระราชทานทำไว้เป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินในพื้นที่ห่างไกลและถิ่นทุรกันดารและทรงมีพระมหากรุณาธิคุณด้วยพระบารมีแผ่ไพศาล พระราชทานให้จัดการเกี่ยวกับดินและน้ำมากมาย ซึ่งสองสามีภรรยาได้มีโอกาสได้พบเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลทางภาคเหนือของไทย โอ? จึงตัดสินใจที่จะดำเนินการตามแนวทางของพระองค์ท่าน อย่างน้อยถือว่าผมและภรรยา เป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน ถึงแม้นว่าพวกเราจะไม่เคยได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่านมาก่อนเลยในชีวิต แต่พวกเราก็ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและพระปรีชาสามารถที่พระองค์ทรงมอบไว้เป็นมรดกของชาติตลอดมา
เมื่อกลางเดือน มกราคม 2562 โอ และภรรยาตัดสินใจลาออกจากงานประจำซึ่งในขณะนั้นทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในตำแหน่งผู้จัดการอาวุโส ผู้บริหารระดับกลาง พวกเราทั้งสองได้รวบรวมเงินเก็บที่พอจะมีได้ นำมาปรับปรุงพื้นที่นา(ซึ่งเป็นที่นาที่เดิมปลูกข้าวอย่างเดียว หลังฤดูเก็บเกี่ยวก็ทิ้งพื้นที่ไม่ได้ทำอะไร) เราทั้งสองได้ตั้งใจขุดสระน้ำและคลองรอบพื้นที่นา ตามแนวพระราชทาน และมีการต่อยอดด้วยแนวทางโคกหนองนา และการจัดการปลูกพืช 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ซึ่งเราใช้วิธีปรับให้เข้ากับแนวทางที่เราชอบ เพราะผมและภรรยาชอบท่องเที่ยวภูเขาและป่าไม้ ดังนั้นเราจึงปรับมาใช้ในที่นานี้ ทันทีโชคดีที่ได้รับข่าวดีว่า ที่หมู่บ้านนั้น มีผู้สละสิทธิ์การขุดบ่อดักตะกอน และคลองน้ำระยะความยาว 30 เมตร ซึ่งสำนักงานพัฒนาที่ดินหนองบัวลำภู มีโครงการ เราจึงได้รับโอกาสนั้นในการได้ช่วยขุดบ่อดักตะกอนความจุ 1,000 ลูกบาศก์เมตรและคลองน้ำ ยาวระยะ 30 เมตร
หลังจากนั้นเริ่มขุดสระน้ำและคลองน้ำรอบที่นา รวมทั้งขุดบ่อเพื่อนำดินมาทำโคก(ที่สูงเพื่อปลูกที่อยู่อาศัย) สองมีภรรยาได้นำเงินเก็บที่มี ว่าจ้างรถแบคโฮขุดต่อ และทุ่มลงที่นี่เพื่อหวังเพียงว่า จะได้สร้างความอุดมสมบูรณ์และความร่มรื่นในพื้นที่ และเราจะได้รับความสุขจากสิ่งที่ทำ ตามแบบที่เราชอบ และอย่างยิ่งคือการได้สืบสานแนวคิดที่พระองค์ท่าน ทรงพระราชทานและทำให้ดูก่อนแล้ว เมื่องานเสร็จ ก็เริ่มมีหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งเสียงหัวเราะเย้ยหยันว่าเราทำอะไรบ้าบอ นำเงินมาทิ้งลงกับสิ่งนี้ทำไม บางคนก็บอกว่าผมบ้าไปแล้ว มาขุดทำลายที่นา แต่เรากลับไม่รู้สึกว่าต้องไปอธิบายอะไรเขาเหล่านั้น เพราะว่าสิ่งที่เราทำอยู่ เรามีเป้าหมายชัดเจนและแน่วแน่ ว่าเราทำเพราะอะไร แต่ก็มีบางท่านแวะเวียนมาให้กำลังใจเรา โดยเฉพาะกำลังใจที่ดีสุดคือกำลังใจจากคุณแม่ของผม และญาติๆของผม ทั้งลุงป้าน้าอา และน้องๆหลานๆ ของผม
สองสามีภรรยาบอกว่าได้นำเงินอีกส่วน มาจัดซื้อระบบน้ำและลงมือทำระบบเองด้วยตัวเองจนงานลุล่วงและ ซื้อต้นไม้มาปลูก ซึ่งคนก็ว่าผมบ้าเพราะผมปลูกไม้ป่า ซึ่งคนส่วนใหญ่เขาไม่ทำกัน แต่นี่คือตามแนวทางที่ผมเชื่อและชื่นชอบ นั่นเพราะต้นไม้นำความร่มเย็นมาให้พื้นที่ หลังจากที่เราทำงานของเรา ไปเรื่อยๆทุกวันจนเป็นรูปร่างขึ้น เราก็เริ่มได้รับการช่วยเหลือหรือมาแนะนำจากเจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ผมมีความเชื่อส่วนตัวของผมว่าพระองค์ท่านทรงให้กำลังใจทุกคนอยู่ รวมทั้งให้กำลังผมด้วย ผมจึงได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ โดยที่ท่านเหล่านั้นได้แนะนำเราอย่างใจจริง เวลานี้ในไร่ของครอบครัวเรามีไม้ดอก ไม้ผล ไม้ป่า มีนาข้าวและสัตว์บกสัตว์น้ำไว้รอบบริเวณ ไม่ได้ซื้อมีของกินของขายให้เพื่อนบ้าน เป็นความสุขเล็กๆที่เรามีให้เป็นแหล่งเรียนรู้และศึกษาได้สำหรับคนที่นี่และห่างไกล
และสิ่งที่พระองค์ท่านทรงสอนไว้ในหนังสือพระมหาชนก เรื่อง”ความเพียร”นั้น มันส่งผลอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลง และยังเป็นสิ่งที่ผมและภรรยาน้อมนำมาเป็นแบบอย่าง เพื่อหวังได้ถ่ายทอดแนวคิดการจัดการ”ดิน น้ำ ป่า” ที่พระองค์ทรงทำมาก่อน และเมื่อเราทั้งสองลงมือทำ ทำอย่างใจจริง ไม่เพียงรอคอย แต่ทำด้วยมือเรา สติปัญญา และทรัพย์สินเงินที่เราพอมี ทำด้วยความเพียร เมื่องานสำเร็จ หรือเป็นรูปร่าง เมื่อนั้นโอกาสและการช่วยเหลือจะเกิดขึ้น พระองค์ท่านเคยสอนเรื่อง “ขาดทุน คือ กำไร” ซึ่งก็อาจคือการให้ไป…ยิ่งได้มา (our loss is our gain)

วันนี้ เมื่อมีคำถามข้อกังขา จากใครก็ตามถึงที่มาที่ไปของที่นี่ เราจึงบอกให้ทุกคนรู้ได้ว่า ปณิธานของเราทั้งสอง เราต้องการถวายงานพระองค์ท่าน ในแบบที่ประชาชนตัวเล็กๆอย่างเราพอทำได้ คือการปฏิบัติตามแนวทางของพระองค์ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อความเจริญ ความสุขใจ สุขกาย แบบพอประมาณ พอดีกับสถานะของเรา ซึ่งสิ่งที่ผมและครอบครัวได้รับจากการปฎิบัตินี้คือความสุข พวกเราได้เรียกโครงการนี้ว่า “ชาล์ลีดัมม์โปรเจ็ค” เพื่อให้เกียรติแก่พระคุณของเจ้าของพื้นที่ คือคุณพ่อและคุณแม่ของฝ่ายภรรยาผม เมื่อกล่าวถึงชาล์ลีดัมม์โปรเจ็ค มันคือแนวทางที่เรียกว่า “การทำเกษตรแบบผสมผสานกับงานวนเกษตร” หรือ ผมจะเรียกว่า agricultural and agroforestry lifestyle ไร่ชาล์ลีดัมม์ นี่คือ 1 คู่ต้นแบบของการสร้างชีวิตของครอบครัววัยหนุ่มวัยสาว……เพื่อก้าวไปสู่ความหวังของชีวิตเดินตามแบบศาสตร์พระราชาอย่างแท้จริง


ทีมข่าวอีสานเดลี่ออนไลน์ประจำจังหวัดหนองบัวลำภู

คลิป, ชาวบ้าน

Related posts