หน่วยงานราชการและครอบครัวชาว อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น จัดสถานที่เตรียมรอรับศพ ผู้เสียชีวิตในตึก สตง.ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว แต่ล่าสุดร่างที่พบตรวจดีเอ็นเอไม่ตรงกันครอบครัวยังมีความหวังริบหรี่ ขณะที่ตาเผย เลี้ยงหลานมาตั้งแต่เด็ก หลานไปทำงานเป็นช่างไฟเก็บเงินแต่งงานสงกรานต์นี้
วันที่ 31 มี.ค. 68 ที่บ้านเลขที่ 370 บ้านโคกม่วง หมู่ 8 ต.ขัวเรียง อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านหนึ่งในครอบครัวผู้สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว คือนาย เจษฎา ส่อนชัย หรือน้องฟาส อายุ 20 ปี ขณะเกิดเหตุทำงานเป็นช่างไฟฟ้าอยู่บนชั้น 27 ทางโดยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ให้กำลังใจครอบครัว พร้อมทั้งได้จัดสถานที่รอรับร่างน้องฟาสมาที่บ้าน หลังจากได้ข้อมูลว่าเสียชีวิต ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้าของครอบครัวญาติพี่น้องที่ทราบข่าว แต่ล่าสุดทางฝ่ายปกครองได้ลงพื้นที่แจ้งข้อมูลกับทางครอบครัวว่า ยังไม่ยืนยันว่าศพที่พบนั้นเป็นร่างของ น้องฟาส เนื่องจากผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันล่าสุดยังไม่ตรงกับญาติที่ไปรับศพ โดยตรงกับผลตรวจดีเอ็นเอกับครอบครัว ชาว จ.อุดรธานี ซึ่งได้รับศพกลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งข้อมูลครั้งแรกที่ได้รับมานั้น เนื่องจากทุกคนใส่ชุดฟอร์มทำงานเหมือนกัน ทำให้ความหวังของครอบครัวตอนนี้ยังพอมีหวังว่าน้องฟาสจะรอดชีวิต แม้จะมีหวังเพียงริบหรี่
นายอำไพ หมวดเหม็น อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 370 ม.8 ตาของน้องฟาสผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า หลานชายตนเองไปทำงานได้ประมาณปีเศษ บางครั้งก็มาขอเงินตากับแม่ ทีละพัน สองพัน โดยหลานไปทำงานเก็บเงินไว้กับพ่อตาแม่ยาย และพ่อตาแม่ยายก็สูญหายเช่นกัน เพื่อจะนำเงินไปเป็นค่าสินสอดแต่งงาน และตั้งใจจะกลับมาที่บ้านในช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี้ และมาเกณฑ์ทหารพร้อมกับจัดงานแต่งงานขึ้น หลังจากน้องฟาสไปทำงานที่ กทม. ตนเองก็อยู่กับหลานอีกสองคน ซึ่งเป็นน้องแท้ๆของน้องฟาส เป็นน้องชายอยู่ ป.4 และน้องสาวอยู่ ม.3 โดยพ่อแม่ของหลานแยกทางกันตั้งแต่หลานยังเด็ก ตนเองเป็นคนเลี้ยงดูจนกระทั่งหลานเข้าสู่วัยทำงานและไปทำงานเป็นช่างไฟที่ชั้น 27 ได้ปีเศษ เพื่อหาเงินแต่งงาน ตนเองก็ได้ทราบข่าวดังกล่าวขึ้นในช่วงบ่ายวันที่ 28 มี.ค.2567 และติดต่อหาหลานไม่ได้ หากหลานเสียชีวิตตนเองในฐานะตาที่เลี้ยงดูมาก็รู้สึกเสียดายอนาคตหลาน เพราะเป็นคนเก่ง เรียนหนังสือเก่ง เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ เรียนอย่างเดียว ทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนตั้งแต่เด็ก โดยทำงานร้านอาหาร กระทั่งไปสมัครงานเป็นช่างไฟทำงานที่ตึก สตง.ชั้น27 พร้อมกับเรีบนหนังสือไปด้วย เพราะหลานมีความฝันอยากรับราชการ และเรียนจบจะไปสอบเป็นข้าราชการเกี่ยวกับทางด้านบัญชี ตอนนี้แม่ของหลานกำลังเดินทางไปรับร่างหลานกลับมา อยากให้หน่วยงานช่วยเหลือด้านการศึกษาของหลานๆที่เหลือ เพราะฟาสเป็นเสาหลักให้น้องๆป.4 และ ม.3 ได้อาศัยในอนาคต
ด้าน นายสมคิด ชำนิกุล ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอชุมแพ เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดเหตุ ทางนายอำเภอชุมแพได้สั่งให้ออกสำรวจแต่ละหมู่บ้านในพื้นที่ อ.ชุมแพ ว่ามีใครได้รับผลกระทบสูญเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าวบ้าง และพบว่ามีผู้เสียชีวิต 3 รายจากเหตุการณ์ จึงได้ลงพื้นที่พร้อมกับมอบเงินเป็นกำลังใจ 3,000 บาท และสิ่งของ ถุงยังชีพ โดยขณะนี้ทางญาติกำลังติดต่อหาร่างที่ รพ.ตำรวจ เพื่อนำกลับมาที่บ้าน แต่ทั้งนี้ล่าสุด ทางญาติแจ้งกลับมาว่า ผลตรวจ DNA ของแม่และศพที่พบไม่ตรงกัน โดยพบว่าศพที่พบเป็นชาวอุดรธานี โดยญาติรับศพกลับไปแล้ว ทำให้ตอนนี้ยังไม่พบร่างของน้องฟาส และยังไม่ยืนยันการเสียชีวิต ทำให้ขณะนี้ยังมีความหวังอยู่ว่าน้องฟาสจะรอดชีวิตจากเหตุดังกล่าว
นอกจากครอบครัวของน้องฟาสที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักและมีอนาคตอีกยาวไกลแล้ว ยังพบว่ามีชาวอำเภอชุมแพอีกสองราย ยังไม่พบร่างคาดว่าติดอยู่ภายในตึกอาคาร สตง. ขณะกำลังทำงานด้วยเช่นกัน เป็นสองสามี-ภรรยา ชาวชุมชนพรานราษฏร์ ในเขตเทศบาลเมืองชุมแพ และเป็นพ่อตา แม่ยายของน้องฟาส คือนายดำรงค์ ผ่องลุนหิต อายุ 40 ปี และ นางสาว อรอุมา แก่นเมือง อายุ 33 ปี ซึ่งทั้งสามรายยังอยู่ระหว่างการค้นหา
