อุดรธานี – ชาวนาข่า จับมือภาครัฐ ร่วมสืบหาผ้า 100 ปี “จัดงานออนซอน วิถีอีสาน สืบสานผ้าหมี่ขิดบ้านนาข่า เปิดมูลมังสังขยาตามหาผ้านาข่า” “NICE NIGHT NAKHA LEGACY”

ชาวนาข่า จับมือภาครัฐ ร่วมสืบหาผ้า 100 ปี “จัดงานออนซอน วิถีอีสาน สืบสานผ้าหมี่ขิดบ้านนาข่า เปิดมูลมังสังขยาตามหาผ้านาข่า” “NICE NIGHT NAKHA LEGACY” ประจำปี 2568

เมื่อไม่นานมานี้ที่วัดนาคาเทวีและตลาดผ้าบ้านนาข่า นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผวจ.อุดรธานีได้ไปเป็นประธานในพิธีเปิดงานออนซอน วิถีอีสาน สืบสานผ้าหมี่ขิดบ้านนาข่า เปิดมูลมังสังขยาตามหาผ้านาข่า “NICE NIGHT NAKHA LEGACY” ประจำปี 2568 จัดขึ้นโดยความร่วมมือกันระหว่างชาวตำบลนาข่า ผู้ประกอบการตลาดผ้าบ้านนาข่า ร่วมกับเทศบาล ตำบลนาข่า มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี และวัฒนธรรม จังหวัดอุดรธานี ขึ้นในระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม รวม 3 วัน วัตถุประสงค์เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญต่อการสืบสานและเผยแพร่เอกลักษณ์อันล้ำค่าของ “ผ้านาข่าอุดรธานี”อันเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าและภูมิปัญญาที่ชาวอุดรธานีถ่ายทอดและพัฒนามาตั้งแต่โบราณ โดยมีพ.ต.อ.วิธ มุทธสินธุ์ นายกเทศมนตรีตำบลนาข่านำหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชนและประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก

นายราชันย์ ฯ กล่าวเปิดงานว่า จากที่ พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธุ์ นายกเทศมนตรีตำบลนาข่า ได้รายงานว่า
เป็นที่ทราบโดยทั่วไปว่า “ตลาดผ้าบ้านนาข่า” เป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายผ้าพื้นเมืองที่สำคัญของจังหวัดอุดรธานี ประชาชนในท้องถิ่นได้ทอผ้าพื้นเมืองกันมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็น ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าหมักโคลน ผ้าหมี่ขิด ผ้ามัดหมี่ ซึ่งดั้งเดิมได้ทอผ้าไว้ใช้เองในวิถีชีวิต ทั้งผ้าสีย้อมครามย้อมนิลสำหรับทำนาทำไร่และผ้าที่มีลวดลายสีสันสำหรับสวมใส่ในงานบุญประเพณี ต่อมาผู้ที่มาพบเห็นได้มาซื้อขายผ้านาข่านำไปตัดเย็บสวมใส่จนเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายชาวนาข่าจึงได้ทอผ้าเพื่อนำมาจำหน่าย มีการรวมกลุ่มทอและจำหน่าย จนพัฒนามาสู่การเป็น “ตลาดผ้าบ้านนาข่า” ที่เป็นศูนย์กลางของการผลิตและจำหน่ายผ้าพื้นเมืองของอุดรธานี ซึ่งผ้าที่เป็นที่นิยมไปทั่วทั้งจังหวัดและทั่วประเทศคือ ผ้ามัดหมี่และผ้าหมี่ขิด จนเป็นที่มาของคำขวัญจังหวัด “ธานีผ้าหมี่ขิด”

ปัจจุบัน “ตลาดผ้านาข่า” เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้ร้านค้าจึงได้มีการนำผ้าจากแหล่งผลิตอื่นๆมาวางจำหน่ายรวมกับผ้าหมี่ขิดดั้งเดิม ซึ่งมีความแตกต่างหลากหลายทั้งผ้าทอมือและผลิตจากโรงงาน จนเกิดความสับสน เกรงว่าผ้าหมี่ขิดดั้งเดิมจะสูญหายไปจึงเป็นที่มาของการจัดงาน “เปิดมูลมังสังขยา ตามหาผ้านาข่า ”NICE NIGHT NAKHA LEGACY“ ในวันนี้ จึงมีการนำผ้าเก่าแก่ที่มีอายุนับร้อยปีมาเข้าพิธีบายศรีสู่ขวัญ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ผ้านาข่า ให้คงความเป็นอัตลักษณ์คงคุณค่า ของผ้าพื้นถิ่น เป็นส่วนหนึ่งของผ้าไทย สืบสานพระราชปณิธานของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

สำหรับการจัดงานในวันนี้ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแสดงศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริม ให้ช่างทอผ้าและผู้ประกอบการผ้าไทยได้ผลิตชิ้นงานที่ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพ และพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ของไทยที่สืบสารมาจากบรรพบุรุษ ผสมผสานผสานกับหลักวิชาการแฟชั่นสมัยใหม่ ออกแบบชุดพื้นเมืองให้มีความสวยงามหลากหลาย หลากสไตล์ ตามความต้องการของคนทุกช่วงวัย นำไปสู่การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก เกิดแรงขับเคลื่อนในชุมชน ทำให้ประชาชนในชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเพิ่มโอกาสในการขายผลิตภัณฑ์ชุมชน ผลิตภัณฑ์พื้นเมือง และสินค้า OTOP เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล

นอกจากนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เกิดการซื้อขายของตลาดผ้านาข่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งในปลายปี 2569 จะมีการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการมีส่วนร่วมในทุกด้าน ในการจัดงานครั้งนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี และวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี ได้เข้ามาสนับสนุนในการทำ ”STREET ART“ ให้ความรู้การอนุรักษ์ผ้าทอมือ ฝึกสอนการทำผลิตภัณฑ์จากผ้า การแสดงศิลปวัฒนธรรมและได้ลงนามบันทึกข้อตกลง(MOU) ที่จะร่วมมือ ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อพัฒนาผ้านาข่าให้เป็นอีกหนึ่ง “SOFT POWER” ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานอุดรธานีที่เข้ามาสนับสนุนด้านประชาสัมพันธ์ และด้านอื่นในโอกาสต่อไป