แม่แรงงานอุดรฯในอิสราเอลรับข่าวดีคาดเป็น 1 ใน 5 “ฮามาส”ปล่อยตัวลูกหลังถูกจับเป็นตัวประกัน 15 เดือน
ส.ต.ท.หญิง มลฤดี มุกดา อายุ 43 ปี นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สนง.จัดหางาน จ.อุดรธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 194 ม.2 บ้านแสงสว่าง ตงท่าลี่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี พบกับนางวิวแวว ศรีอ้วน อายุ 53 ปี และนายต่อม ศรีอ้วน อายุ 57 ปี พ่อและแม่ นายวัชระ ศรีอ้วน หรือตี๋ อายุ 32 ปี แรงงานไทยในประเทศอิสราเอล ที่ถูกจับเป็นตัวประกันตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 รวมเวลา 15 เดือนเศษ เพื่อแจ้งสิทธิประโยชน์ให้ทางครอบครัวตัวประกันได้รับทราบ
เนื่องจากนายวัชระฯ ไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลังมีข่าวว่ากลุ่ม “ฮามาส” ได้ปล่อยตัวประกันแรงงานชาวไทยทั้งหมด 5 คน และคาดว่า 1 ใน 5 คน ที่ถูกปล่อยตัวออกมา คงมีนายวัชระฯ รวมอยู่ด้วย เนื่องจากทางครอบครัวได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่สถาทูตไทยในอิสราเอล แจ้งข่าวมาเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา ทำให้สีหน้าทั้งแม่และพ่อของนายวัชระฯ ยิ้มแย้มดีใจจนน้ำตาคลอ ที่จะได้พบหน้าลูกชายแบบมีชีวิต หลังขาดการติดต่อ และรอความหวังว่าลูกชายยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ทุกวันที่รอคอยข่าวดีมีแต่น้ำตาแห่งความคิดถึงลูก เมื่อลูกปลอดภัยจะได้กลับมาบ้าน จะไม่ให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศอีกแล้ว พร้อมกับนำรูปลูกชายมากอดและพูดกับรูปลูกชายด้วยความดีใจ ที่มีความหวังจะได้พบหน้ากันและกอดกันให้หายคิดถึง เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ก็ว่าได้
ส่วนแรงงานชาวอุดรธานี อีกคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันคือนายสุระศักดิ์ ลำเนา ชาว ต.นาไหม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ยังไม่ทราบว่าถูกปล่อยตัวออกด้วยหรือไม่ ซึ่ง จนท.สนง.จัดหางาน จ.อุดรธานี จะได้เดินทางไปสอบถามข้อมูล และแจ้งสิทธิประโยชน์ให้ทางญาติรับทราบ เนื่องจากเดินทางไปถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน และขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันรายชื่อที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามต้องรอการยืนยันจากนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ที่จะแถลงความชัดเจน
นางวิวแวว เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. (29ม.ค.68) หลังจากตนขอพรจากพระเจ้าเสร็จ หลานสาวก็โทรศัพท์มาบอกว่า คนไทยในอิสราเอลที่ถูกจับเป็นตัวประกันจะถูกปล่อยตัว 5 คน และหนึ่งในนั้นมีชื่อนายวัชระ ศรีอ้วน รวมอยู่ด้วย โดยสถานทูตไทยในอิสราเอล มีเบอร์โทรศัพท์ของหลานสาว จึงแจ้งมาให้รับทราบ แล้วหลานสาวก็โทรมาบอกกับตนว่า เป็นข่าวดีที่ลูกชายตนจะถูกปล่อยตัวออกมา ตนก็ดีใจมากจนน้ำตาไหล
“แต่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ ที่มีข่าวว่าลูกชายตนจะถูกปล่อยออกมา ตนก็รอมาตั้งแต่เกิดเรื่องประมาณ 15 เดือนกว่า จนพ่อล้มป่วยมา 3 ครั้ง เพราะคิดถึงลูกชาย โชคดีที่ยังสู้รอลูกชายกลับมาบ้าน ก็ถือว่าเป็นข่าวดีมากๆของครอบครัว เพราะ 15 เดือนที่ผ่านมา ตนกับสามีคิดถึงลูกจนร้องไห้ทุกวัน และสงสารลูก ทั้งที่ลูกไปทำงานไม่ได้ไปทำอะไรในสิ่งที่ไม่ดี”
นางวิวแวว กล่าวต่อไปว่า ทุกเช้าตนกับครอบครัวก็จะอธิฐานขอพรพระเจ้า ให้คุ้มครองลูกชายให้อยู่รอดปลอดภัย และได้กลับมาบ้านเร็วๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ตามข่าวลูกของตน และไม่ทอดทิ้ง ทำให้ตนก็มั่นใจอยู่ว่า ข่าวดีคงจะชัดเจนที่ลูกชายจะได้ถูกปล่อยตัวออกมา ตอนนี้ตนก็รู้สึกโล่งใจมาก ไม่เหมือนเมื่อก่อน เพราะตนไม่ได้รอแบบลมๆ แล้งๆ เมื่อได้ยินแต่ข่าวร้าย พอมาได้ยินข่าวดีก็โล่งอกมากเลย ที่จะได้เจอหน้าลูก ได้กอดลูกแบบมีชีวิต
“ถ้าปล่อยลูกออกมาแล้ว จะให้ลูกกลับมาอยู่บ้าน ไม่ให้ไปทำงานที่ไหนอีกแล้ว จะให้ทำงานอยู่ที่บ้านเรา เพราะเรื่องแบบนี้ใครไม่เจอกับตัวเอง ก็คงไม่รู้ วันนี้มีรอยยิ้มขึ้นมา ไม่เศร้าอีกแล้ว อยากขอบคุณทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่คอยช่วยเหลือ และส่งข่าวดีมาให้รู้ และไม่เคยทอดทิ้งครอบครัวตน เพราะแม้แต่เป็นศพ หน่วยงานยังจะต้องช่วยเหลือเอากลับมาบ้านให้สำเร็จ”
