ตำรวจสืบสวนสอบสวนภาค 4 จับกุมเครือข่ายค้ายาบ้า ลำเลียงจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำส่งให้กับเครือข่าย พร้อมยาบ้าจำนวน 564,000 เม็ด พร้อมกำชับให้เฝ้าจับตาเครือขายค้ายาเสพติด หลังมีการใช้โดรนการเกษตรในการขนยาบ้า แทนการใช้เรือข้ามฝั่งแม่น้ำโขง
22 ม.ค. 68 พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผุู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบภาค 4 เข้าตรวจสอบยาบ้าจำนวน 564,000 เม็ด หลังได้สกัดจับได้ในพื้นที่ สภ.ป่งไฮ อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ พร้อมผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย นายจักรพล อายุ 25 ปี ชาวจังหวัดบึงกาฬ นางสาวรุ่งทิวา อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร นายธันวา อายุ 20 ปี ชาวจังหวัดกระบี่ และนายปิยะ อายุ 20 ปี ชาวจังหวัดบึงกาฬ พร้อมกับได้ขยายยึดทรัพย์รถยนต์กระบะจำนวน 2 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน ทองคำ และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง รวมมูลค่า 1.6 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 68 ทางตำรวจสืบสวนสอบสวนภาค 4 ได้ทราบว่ามีกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด จะนำยาเสพติดจากพื้นที่ เขตรอยต่อ อ.บ้านแพง จ.นครพนม – อ.เซกา จ.บึงกาฬ จึงได้ประชุมวางแผนและวางกำลัง จนกระทั่งเวลาประมาณ 12.30 น. พบรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์สีเขียว ขับนำหน้ารถยนต์กระบะดีแม็ก สีขาว ขับเข้ามาบริเวณป้าทางทิศตะวันตกของบ้านท่าสวรรค์ ตะไฮ อ.อเซกา จ.บึงกาฬ และได้มีชาย 3 คน ลงจาก
รถยนต์และรถจักรยานยนต์เข้ามาแบกกระสอบที่ซุกซ่อนบริเวณป่าดังกล่าวขึ้นไปยังรถยนต์ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่นดีแม็ก สีขาว แล้วขับ ออกไปจากบริเวณดังกล่าว ชุดจับกุมจึงได้ติดตามและสกัดรถยนต์ดีแม๊ก ค้นดังกล่าวได้ที่บริเวณถนนทิศตะวันตก ของบ้านานท่าสวรรค์ ม.7 ต.ปังไฮ อ.เซกา จ.บึงกาฬ จากตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าว พบ นายจักรพล เป็นผู้ขับขี่ โดยมี นส.ร่งทิวา นั่งข้างคนขับ จากการตรวจค้นกายในรถกระบะค้นดังกล่าวพบกระสอบปุ๋ยสีฟ้าจำนวน 2 กระสอบ และ กระสอบปุ๋ยสีขาวจำนวน 1 กระสอบ และห่อยาเสพติดอีกจำนวนหนึ่ง วางอยู่บริเวณเบาะหลังภายในห้องผู้โดยสาร ตรวจสอบพบเป็นยาเสพติดจึงควบคุมตัวไว้ และติดตามจับกุมรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์คันที่ขับนำซึ่งมี นายธันวา และนายปิยะซ้อนและขับได้
จากการตรวจนับยาบ้าทั้งหมดรวม เป็นจำนวน 564,000 เม็ด ผู้ต้องหาทั้งสี่คนให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายทุน(บุคคลสัญชาติลาว) ให้ขนยาเสพติดจากแนวชายแดน ไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ตอนในโดยพวกตนจะได้รับค่าจ้าง ประมาณคนละ 20,000 บาท โดยเคยทำมาแล้วหลายครั้งตั้งแต่ สิ่งหาคม 2567 เฉลี่ยเดือนละ 2 ครั้ง จนกระทั่งมาถูกจับกุมในครั้งนี้
พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผุูบังคับการตำรวจสืบสวนสอบภาค 4 กล่าวว่า ขณะนี้ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบขนยาเสพติด โดยการนำโดรนการเกษตรมาใช้ เพราะสามารถรับน้ำหนักได้มากถึง 50 กิโลกรัม ลำเลียงยาเสพติดได้จำนวนมาก และยังสามารถควบคุมบินได้ในระยะไกล แม้ว่าบางพื้นที่แม่น้ำโขงจะมีความกว้างกว่า 1 กิโลเมตร แต่การใช้โดรนการเกษตรทำได้ง่าย และยังใช้คนในการบังคับ และร่วมขบวนการจำนวน 2-3 คน ไม่ทำให้ข่าวรั่วไหลถึงเจ้าหน้าที่จับกุมได้ยากขึ้น นอกจากนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้เรือทุกชนิดตลอดแนวจังหวัดแม่น้ำโขง ได้มีการขึ้นทะเบียนเรือทุกลำ จะทำให้เรือแต่ละลำมีหมายเลข สามารถระบุว่าเป็นเรือของใคร