ขอนแก่น (ชมคลิป) เกษตรกรเมืองหมอแคนเลี้ยงนกกระจอกเทศแทนวัว เตรียมต่อยอดสร้างรายได้

เจ้าของฟาร์มนกกระจอกเทศ เผยอยากเลี้ยงวัวแต่ลูกไม่ให้เลี้ยง สุดท้ายหลงรักความขี้เล่นอยากโชว์ความสวยความหล่อของแต่ละตัว เตรียมต่อยอดสร้างรายได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและจำหน่ายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์

วันที่ 15 มกราคม 2568  ที่ฟาร์มนกกระจอกเทศแม่ประนอม บ้านหนองขามพัฒนา ม.13 ต.คำแคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น นางประนอม พุ่มบัว อายุ 62 ปี  เจ้าของฟาร์ม กำลังเดินดูความเรียบร้อยในฟาร์ม ท่ามกลางฝูงนกกระจอกเทศ จำนวน 12 ตัว แต่ละตัวมีความร่าเริง วิ่งเล่นสนุกสนาน ตัวผู้ก็โชว์ปีกและขน ดึงดูดความสนใจของตัวเมีย

จากนั้นนางประนอมได้ทำการบดผักบุ้ง ผักคะน้า และแหนแดงผสมกับหัวอาหารไก่ เพื่อให้ได้ 10 กิโลกรัม ไว้เป็นอาหารเช้าของนกกระจอกเทศรุ่นใหญ่ 12 ตัว ส่วนอีก 6 ตัว เป็นนกกระจอกเทศรุ่นที่ 3 ของฟาร์มที่มีอายุเพียง 5 เดือนเท่านั้น เอาแค่หัวอาหารไก่ให้กินก็พอแล้ว

นางประนอม เจ้าของฟาร์มเปิดเผยถึงการเลี้ยงนกกระจอกเทศว่า จริง ๆ แล้วอยากเลี้ยงวัว แต่ลูก ๆ ไม่ให้เลี้ยง เพราะอายุมากแล้ว เลี้ยงวัวจะเกิดความยุ่งยาก ลูกจึงซื้อนกกระจอกเทศมาให้เลี้ยง รุ่นแรก 6 ตัว นำมาลงเลี้ยงที่ฟาร์มเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 จึงได้ปรับเปลี่ยนที่นา จำนวน 22 ไร่ แบ่งทำฟาร์มเลี้ยงนกกระจอกเทศ 11 ไร่ ที่เหลือก็ทำนาดังเดิม ส่วนในที่ดิน 11 ไร่ที่แบ่งทำคอกนกกระจอกเทศนั้น ได้ทำคอกขนาด 10×20 เมตรพื้นที่เป็นดินทราย เลี้ยงรุ่นแรก ก็เติบโตได้ด้วยดี จากนั้นเดือนมิถุนายน 2566 ลูกก็ซื้อนกกระจอกเทศมาให้เลี้ยงเพิ่มอีก 6 ตัว จึงทำคอกเลี้ยงไว้ติดกับรุ่นแรก เป็นตัวเมีย 4 ตัว ตัวผู้ 8 ตัว

ส่วนการเลี้ยงและการให้อาหาร ยอมรับว่า ไม่มีพื้นฐานความรู้ใด ๆ เลย จึงได้ศึกษาหาความรู้ทางยูทูป ดูการเลี้ยงจากฟาร์มที่ประสบความสำเร็จ  แต่โดยส่วนตัว ได้ปรับการให้อาหาร เพราะจะไม่เน้นให้อาหารที่เป็นอาหารสำเร็จ หรือหัวอาหารเลี้ยงสัตว์ในปริมาณมาก เพราะจะทำให้นกอ้วน มีน้ำหนักเยอะ นกจะเจ็บป่วยได้ง่าย โดยอิงการเลี้ยงตามธรรมชาติ  จากการศึกษา ทราบว่านกกระจอกเทศ เป็นนกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา การเลี้ยงนกให้แข็งแรง และเจริญเติบโตโดยที่ไม่ป่วย และไม่ต้องพึ่งยารักษาสัตว์จะดีที่สุด จึงได้ปลูกผักคะน้า บล็อคโคลี และผักบุ้ง โดยไม่ใส่ปุ๋ยที่มีสารเคมี เพื่อใช้เป็นพืชผักเลี้ยงนกกระจอกเทศ แต่จะผสมหัวอาหารไก่ให้ในปริมาณเล็กน้อยในอาหารทั้ง 2 มื้อ คือ อาหารเช้า และอาหารเย็น ซึ่งการเลี้ยงนกกระจอกเทศของที่ฟาร์มก็ผ่านไปด้วยดี อากาศในพื้นที่ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ที่มีทั้งหนาว ฝน ร้อน ก็ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด เพราะนกกระจอกเทศปรับตัวได้ดีกับทุกสภาพอากาศ ในส่วนของหน้าหนาว นกกระจอกเทศจะออกมาตากแดดทั้งวัน จะเข้าร่มก็ช่วงให้อาหารเช้ากับอาหารเย็นเท่านั้น กลางคืนก็นอนกลางแจ้ง

นางประนอม  กล่าวอีกว่า  หลังจากเลี้ยงนกกระจอกเทศ รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ประสบผลสำเร็จ ลูกก็ซื้อรุ่นที่ 3 มาให้เลี้ยงอีก 6 ตัว รวมเป็น 18 ตัว  โดยรุ่นแรกเพิ่งออกไข่ฟองแรกเมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา แล้วก็ยังเห็นไม่ออกมาอีก เพราะจากการศึกษาทราบว่านกกระจอกเทศจะออกไข่ทุกวัน ประมาณ 70-80 ฟอง ตอนนี้เมื่อได้ไข่ฟองแรก ก็จะสั่งเครื่องฟักไข่มาไว้ที่ฟาร์ม เพื่อนำไข่เข้าเครื่องฟัก ออกมาเป็นนกกระจอกเทศ ส่งขายพันธุ์นกกระจอกเทศให้คนที่สนใจเลี้ยง  เพราะในอนาคต จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ให้ความรู้กับประชาชนที่สนใจเลี้ยงนกกระจอกเทศ และขอยืนยันว่าการเลี้ยงนกกระจอกเทศ แม้จะเป็นนกที่มาจากต่างประเทศ แต่ไม่ได้ยุ่งยากและดูแลง่าย เป็นนกอารมณ์ดี และในอนาคตตั้งใจว่าจะขายเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์แทนขายเนื้อ เพราะสงสารนกที่เลี้ยงมา