ขอนแก่น – ตำรวจภูธรเวฬุวัน ดักซุ่มรอในป่า เฝ้าจับกุมคนร้ายเข้าไปตัดสายเคเบิ้ลสัญญาณอินเตอร์เน็ต นำไปเผาไฟเอาทองแดงไปขาย

ตำรวจภูธรเวฬุวัน ต้องซุ่มรอในป่า ก่อนจะจับกุมคนร้ายตัดลวดหนาม ก่อนจะเข้าไปตัดสายเคเบิ้ลสัญญาณอินเตอร์เน็ต แล้วนำไปเผาก่อนนำทองแดงไปขาย พบทำเป็นกระบวนการโดยจะนำเงินไปใช้และซื้อยาบ้ามาเสพ

          8 พ.ย. 67 ภาพจากกล้องวงจรปิดบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด(มหาชน) ถนนมิตรภาพ ตำบลสำราญ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น สามารถบันทึกภาพคนร้าย ที่ลักลอบเข้าบริเวณด้านหลังของสำนักงาน โดยคนร้ายได้ปีนแพงเข้ามา ก่อนจะใช้คีมตัดลวดหนามมุดเข้ามาภายใน แล้วเข้าไปตัดสายสัญญาณอินเตอร์ก่อนจะช่วยกันลำเลียงออกกลับไปทางเดิม โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 02.35 น. ของวันที่ 8 พ.ย.67 ที่ผ่านมา

           จากนั้น พ.ต.อ.ถนอมสิทธิ์ วงษ์วิจารย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเวฬุวัน พ.ต.ท.ปรเมษฐ์ ปัดทุมแฝง รอง ผกก.สส.สภ.เวฬุวัน, พ.ต.ท.วุฒิศักดิ์ ดีสวน สว.สส.สภ.เวฬุวัน พร้อมตำรวจชุดสืบสวน ได้ซุ่มดูบริเวณป่าละเมาะด้านหลังบริษัท จนกระทั่งพบผู้ต้องสงสัยได้มุดเข้ามาและกำลังจะขโมยสายเคเบิ้ลสัญญาณอินเตอร์เน็ต ก่อนที่ตำรวจเข้าจะชาร์จตัวผู้ต้องได้ทั้งสิ้น 3 คน คือนายวันชัย เหงียนกิม อายุ 45 ปี ที่อยู่ 60/755 ม.26 ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ,นายปฏิวัตร มาธุระ อายุ 33 ปี ที่อยู่ 34 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น , และ นายจักรพันธ์ คำสีโห อายุ 27 ปี ที่อยู่ 269 ม.23 ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมของกลาง สายเคเบิล ยาวประมาณ 1.5 เมตร จำนวน 6 สาย รถจักรยานยนต์ยี่ฮ้อ Honda Wave 110 I สีน้ำเงิน-เทา ทะเบียน 2 กผ 3491 ขอนแก่น จำนวน 1 คัน และรถจักรยานยนต์ยี่ฮ้อ Honda Wave 100 S สีชมพู-ดำ ทะเบียน คกค 937 ขอนแก่น จำนวน 1 คัน  ต่อมาได้ขยายผลจับเพื่อนร่วมก่อเหตุได้อีก 1 คน คือ นายพัฒนพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น

            โดยผู้ต้องหาทั้งหมดยอมรับว่า ได้เข้ามาลักเอาสายเคเบิ้ลที่บริเวณดังกล่าว เป็นจำนวนหลายครั้งแล้ว เมื่อได้สายเคเบิ้ลไปได้นำไปชำแหละขายให้กับรถเร่ที่มารับซื้อในแต่ละครั้งขายได้เงินจำนวน 5,000 – 15,000 บาท โดยรถเร่คันดังกล่าวที่มารับซื้อพวกตนจำทะเบียนไม่ได้และไม่ทราบว่าคนที่มารับซื้ออยู่ที่ใด

            เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” ก่อนส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.