หนองคาย –รวบคาด่าน จนท.ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพ ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ รวบหนุ่มลาว สาวไทย พร้อมของกลางเฮโรอีน ประมาณ 6.9 กิโลกรัม

รวบคาด่าน จนท.ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพ ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ รวบหนุ่มลาว สาวไทย พร้อมของกลางเฮโรอีน ประมาณ 6.9 กิโลกรัม รับว่าได้ค่าจ้างครั้งละ 50,000 บาท ทำมาแล้ว 3 ครั้งรวมครั้งนี้


วันที่ 30 ต.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ วันที่ 29 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 18.30 น. นายพัฒนพงค์ ตันติวัฒนกุลชัย หัวหน้าฝ่ายบริการศุลกากรที่ 1 ร่วมกับ นายภาญเมศวร์ คำเพราะ นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ, พ.อ.สุภัทร ชูตินันท์ รอง ผอ.บก.ควบคุมที่ 2 กกล.สุรศักดิ์มนตรี, นายสรรพสิทธิ์ บุญเลิศ ผอ.ปป.4, พ.ต.ท.อภิชาติ คลธา สว. ตม. จว.หนองคาย, พ.ต.ท.พุฒิชัย จันทร์ทอง รอง ผกก.สส.สภ.เมืองหนองคาย, ว่าที่นาวาโทอริยะ ทองมั่น หัวหน้าสถานีเรือหนองคาย และ พ.ต.ต.ภานุวัฒน์ วงษ์วิจิตร ผอ.ร้อย ดชด.245 ได้ร่วมกันจับกุม หนุ่มลาว สาวไทย 3 ผู้ต้องหา ทราบชื่อ น.ส.อรญา คงรักที่ ,น.ส.สมฤดี จันทร์ หอมหวน และ นายโบ้ แสงพะจัน คนขับรถรับจ้างชาวลาว พร้อมของกลางเฮโรอีน ประมาณ 6.9 กิโลกรัม โดยการอำนวยการของ นางนิภาวรรณ ใยบัวเทศ นายด่านศุลกากรหนองคาย ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการ สำนักงานศุลกากรหนองคาย นายอนุชา สาครสุคนธ์ ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร 1
การจับกุมครั้งนี้ เนื่องจาก ปป.4 ร่วมกับศุลกากรหนองคาย สภ.เมืองหนองคาย กก.สส.ตร.ภ.จว.หนองคาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนขยายผล พบว่า น.ส.อรญา คงรักที่ ผู้ต้องหา เคยลักลอบนำเข้ายาเสพติดมาแล้ว 2 ครั้ง โดยได้รับค่าจ้างจากชายผิวสีใน สปป.ลาว (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ครั้งละ 50,000 บาท ซึ่งปลายทาง จ.ภูเก็ต และ ฮ่องกง แต่ครั้งที่ 3 ได้ชวน น.ส.สมฤดี จันทร์ หอมหวน มาช่วยขนกระเป๋าเดินทางซึ่งภายในได้ซุกซ่อนยาเสพติดและมาถูกจับกุมเสียก่อน


ก่อนมีการจับกุม ขณะเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาวแห่งที่ 1 สำนักงานศุลกากรหนองคาย กำลังปฎิบัติหน้าที่ได้ตรวจค้น รถยนต์ TOYOTA VIOS สีขาว หมายเลขทะเบียน กอ 5515 กำแพงนคร ขับเข้ามาในสถานีตรวจรถยนต์ส่วนบุคคล ขาเข้า (6A) โดยมีนายโบ้ แสงพะจัน สัญชาติลาว เป็นคนขับและพบมีผู้โดยสารหญิงชาวไทย 2 คน นั่งมาในรถ และลงไปทำพิธีการทางศุลกากร ทราบชื่อนางสาวอรญา คงรัก และนางสาวสมฤดี จันทร์หอมหวล เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ทำการตรวจจค้นรถยนต์พร้อมกระเป้าสัมภาระของผู้เดินทางที่ติดมากับรถยนต์ บริเวณท้ายรถ จึงได้นำมาตรวจสอบด้วยเครื่องเอกซเรย์พบภาพต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบโดยละเอียด พบว่าด้านหลังกระเป้ามีความหนามากกว่าปกติ ส่วนด้านในกระเป้าพบรอยเย็บขึ้นมาใหม่ จึงได้เปิดตรวจพบกระเป้าสะพาย จำนวน 5 ใบ และกระเป้าสตรี 1 ใบ พบของต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป้า จึงตรวจค้นอย่างละเอียดพบมีแผ่นหุ้มด้วยถุงดำพันด้วยผ้าเทปสีใส จึงเปิดตรวจสอบด้วยน้ำยา Marquis Test (ONCB odia) พบผลการทดสอบเป็นยาเสพติดให้โทษประมาท ๑ (เฮโรอีน)


จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า นางสาวอรญาฯ ผู้ต้องหา เคยลักลอบนำเข้ายาเสพติดมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก ได้เดินทางข้ามไปที่ สปป.ลาว โดยมีชาวผิวสี ชาว ลาว (ไม่ทราบชื่อนามสกุล) คุยกันผ่าน Whatapp ให้ตนไปรับกระเป๋าตามจุดที่นัดหมาย โดยจะมีชาวผิวสีอีกคน นำกระเป๋ามาส่งให้ จากนั้นได้เดินทางกลับประเทศไทย และนั่งรถโดยสารจาก จ.อุดรธานี ไปยังสนามบินดอนเมือง และนั่งเครื่องบินไปยัง จ.ภูเก็ต และนำกระเป๋าดังกล่าวไปส่งให้ชาวเกาหลี ได้ค่าจ้าง 50,000 บาท ด้วยวิธีการรับโอนเข้าบัญชี ครั้งที่ 2 ถัดมาประมาณ 1 สัปดาห์ ทำเช่นครั้งที่ 1 ได้เอากระเป๋าขึ้นเครื่องบินไปส่งให้ชาวผิวสีที่ประเทศฮ่องกง ได้ค่าจ้าง 50,000 บาท และครั้งที่ 3 ก็ทำแบบเดิม แต่มีการเพิ่มกระเป๋าเป็น 2 ใบ จึงได้ชักชวน น.ส.สมฤดีฯ มาช่วยถือกระเป๋า เมื่อข้ามกลับเข้ามาประเทศไทย รถรับจ้างชาวลาว ถูก จนท.ตรวจค้นและถูกจับกุมดังกล่าว
ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดลักลอบนำเข้าของต้องห้าม ต้องกำกัด หรือของ ยังไม่ได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องอันเป็นความผิดตามมาตรา 242 ประกอบมาตรา 252 แห่ง พ.ร.บ พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ. เมืองหนองคาย ดำเนินการสอบสวนขยายผลและติดตามผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.ฤาษีลภ- มนเดช ผู้สื่อข่าว จว.หนองคาย