มหาสารคาม-ชายวัย 60 ถูกมิจฉาชีพหลอกร่วมเทรดหุ้นออนไลน์หวังมีเงินใช้หนี้แต่ เบิกเงินไม่ได้สุดท้าย ผูกคอดับกลัวไม่มีเงินใช้หนี้

ชายวัย 60 ถูกมิจฉาชีพหลอกร่วมเทรดหุ้นออนไลน์หวังมีเงินใช้หนี้แต่ เบิกเงินไม่ได้สุดท้าย ผูกคอดับกลัวไม่มีเงินใช้หนี้

วันที่ 9 ต.ค67เวลา 13.00นเมื่อช่วงเย็นวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมหาสารคาม ได้รับแจ้งเหตุชายอายุประมาณ 60 ปี ผูกคอตาย จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยเทพนิมิตมหาสารคาม เข้าเก็บร่าง พร้อมให้แพทย์เวรโรงพยาบาลมหาสารคาม ชันสูตรพลิกศพ

โดยที่เกิดเหตุเป็นร้านอาหารตามสั่ง อยู่เส้นทางไปวัดป่า ภายในซอยนครสวรรค์ 49 คุ้มบ้านนางใย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม ที่บริเวณหลังร้าน พบศพ นายปณิธาน ชนะพรรณ อายุ 60 ปี ราษฏรตำบลตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม ผูกคอเสียชีวิต ญาติได้นำศพลงมา รอแพทย์ชันสูตร โดยภายหลังจากชันสูตรพลิกศพเสร็จ เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยเทพนิมิตมหาสารคาม ได้นำร่างผู้เสียชีวิต มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดอุทัยทิศ เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายมีความเครียด จากการถูกมิจฉาชีพหลอกให้ลงทุนออนไลน์

ล่าสุดวันนี้ 9 ตุลาคม 67) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุ เป็นร้านอาหารตามสั่ง มีผ้าแสลนสีดำล้อมรอบร้านไว้ โดยลูกชายของผู้ตายได้พาไปชี้จุดที่ผู้ตายผูกคอที่บริเวณหลังร้าน

จากการ สอบถาม นางทาริตา สังฆมณี อายุ 50 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เล่าว่า เมื่อก่อนตนเองและสามีทำงานโรงแรม พอออกจากงาน ก็มาเปิดร้านตามสั่ง เปิดได้เกือบปี ก็ต้องปิด เพราะค้าขายไม่ดี ไปกู้รายวันก็ไม่คุ้ม ลงทุน 2,000 ขายได้ 500 ก็ขาดทุน ก็เลยพัก เงิน 10,000 ก็ไม่ได้รับ เพราะไม่ใช่กลุ่มเปราะบาง ช่วงนี้ตนเองจึงไปรับจ้างเป็นแม่ครัวทำอาหารเจ มีรายได้วันละ 400 นอกจากนี้ก็รับจ้างร้อยมาลัย ส่วนสามีก็อยากหารายได้จุนเจือครอบครัว จนมาเจอกับเพจ เพจหนึ่ง เป็นเพจเล่นหุ้น จะเปิดทำการ 09.00 น. ปิด 21.00 น. ก็จะนั่งจ้องโทรศัพท์ทั้งวัน ซึ่งช่วงแรกไม่มีเงินลงทุน ก็จะไปทำกิจกรรม จะได้เงินครั้งละ 8-10 บาท ทำงานวันแรกจะได้เงิน 30 บาท

แต่ก่อนที่จะเริ่มทำงาน ต้องโอนเงินให้เค้า 150 บาท แล้วจะได้เงิน 900 บาท จากนั้นก็ได้แอดไลน์ จนไปทำกิจกรรมกับเค้า แต่พอจะเบิกเงินเพื่อที่เอาไปใช้หนี้ ก็ถอนไม่ได้ โดยทางมิจฉาชีพอ้างว่า ถ้าถอนเงินออกแล้ววันต่อไปก็จะไม่มีเงินลงทุน ซึ่งเพจนี้เพิ่งจะเข้าร่วมได้ 3 วัน ก่อนที่สามีจะผูกคอเสียชีวิต

โดยต้องแอดไลน์จะมีไลน์ของมิจฉาชีพขึ้นมา มีการแนะนำตัวว่าเป็นโค้ช เป็นคนดูแล และหลอกล่อให้ร่วมกิจกรรม แต่ละวันจะมี 6 ช่วง ถ้าทำกิจกรรมได้ทั้งหมดก็จะได้เงิน แต่พอจะถอนเงินออกมาก็ถอนไม่ได้

ซึ่งสาเหตุที่คิดว่าสามีคิดสั้น เป็นเพราะว่าไปยืมเงินเพื่อนบ้านมา 2,000 บาท แล้วมีการนัดว่าจะใช้เงินให้ เพราะหวังว่าจะได้เงินจากการเทรดหุ้นออนไลน์ แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ จึงไม่มีเงินมาใช้หนี้ ทำให้คิดสั้นก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งปกติสามีเป็นคนไม่ค่อยพูด จะยิ้มเก่ง ยิ้มอย่างเดียว เป็นคนอัธยาศัยดี มีแต่คนรัก ซึ่งตนก็ได้ทักท้วงแล้วว่า จะโดนหลอกมั้ย แต่สามีก็บอกว่ามันน่านับถือ มีตำรวจนายใหญ่ มีแบ็กดี มีผู้ดูแล จึงมั่นใจว่าจะไม่ถูกหลอก อยากหาเงินให้ได้เยอะ ๆ เพื่อให้เมียกับลูกสบาย

อยากให้ตำรวจจัดการขั้นเด็ดขาด เพราะพวกมิจฉาชีพพวกนี้หลอกลวงประชาชน ทำให้คนที่มีความหวังต้องมาผิดหวัง อยากให้หาตัวคนผิดมาลงโทษ จะได้ไม่ทำกับคนอื่นอีก

จากการดูโทรศัพท์ของผู้ตายที่ได้มีการพูดคุยกับมิจฉาชีพ พบว่า จะมีบัญชีส่วนตัว ที่ใช้ชื่อว่าโค้ชเนย, ผู้ดูแลชนิสา และ ไลน์กลุ่มกิจกรรม โดยผู้ตายได้เริ่มทำกิจกรรม โอนเงินแรกเข้าไปให้กับมิจฉาชีพ 150 บาท วันที่ 5 ตุลาคม มีการชี้แจงว่าเป็นการสร้างผลกำไรให้กับสมาชิกต่อครั้ง 30%-50% เป็นการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลทางการเงินผ่านทางระบบออนไลน์ จะเป็นการซื้อและขายในระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ เพื่อสร้างกำไรจากส่วนต่างราคาของเหรียญสกุลเงินที่มีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จำเป็นต้องทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยให้ผู้ค้าเพิ่มปริมาณธุรกรรมที่จัดจำหน่ายโดยผู้ค้าและคุณเองก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเป็นผลตอบแทน

แต่เมื่อทำกิจกรรมได้แล้ว พอขอถอนเงิน กลับถอนเงินไม่ได้ โดยมิจฉาชีพได้หลอกให้เข้ากลุ่ม VIP ถูกหลอกให้โอนเงิน 1,000 บาท ก่อนที่หลอกให้โอนอีก 2,000 บาท อ้างว่าเริ่มงานแล้วไม่สามารถยกเลิกได้ ซึ่งรอบสุดท้ายได้โอนเงินไปให้มิจฉาชีพ 1,200 บาท โดยมิจฉาชีพให้โอนอีก 10,800 บาท ทำให้มีการโพสต์ตัดพ้อ ว่าไม่มีเงินแล้ว ผมไม่อยู่แล้วตายดีกว่า