อุดรธานี – ยายร้องสื่อหลานสาววัย 13 โดนเพื่อนรุ่นพี่รุมทำร้าย 3 ต่อ 1 แถมถ่ายคลิประจานในกลุ่ม

ยายร้องสื่อหลานสาววัย 13 โดนเพื่อนรุ่นพี่รุมทำร้าย 3 ต่อ 1 แถมถ่ายคลิประจานในกลุ่ม

เมื่อเวลา 11.45 น.วันที่ 17 กันยายน น.ส.ยุพา คมขำ หรือน้อย อายุ 44 ปี ชาวบ้านปันน้ำใจ ม.10 ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้เดินทางมาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ด.ญ.มิ้น อายุ 13 ปี หลานสาวได้ถูกเพื่อนรุ่นพี่ 3 คน ประกอบด้วย น.ส.ข้าวฟ่าง (เสื้อแดง) น.ส.ปาย (เสื้อดำ-น้ำเงิน) และน.ส.มิ้นท์ใหญ่ (เสื้อดำ) อายุระหว่าง 15-16 ปี ลวงไปรุมทำร้ายร่างกายสลับกันเข้าไปจิกผมตบ เตะเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง และกระทืบที่ท้อง ได้รับบาดเจ็บร่างกายระบม เบ้าตาขวาเขียวช้ำ และข้อศอกด้านซ้ายถลอกเป็นแผล แถมยังให้ น.ส.โบว์ อายุ 17 ปี พี่สาว น.ส.ปาย ถ่ายคลิปประจานลงในกลุ่มไลน์เพื่อน ขณะหลานสาวโดนรุมทำร้ายร่างกาย

หลังจากนั้น น.ส.ยุพาฯ ได้นำผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุบนสันเขื่อนอ่างเก็บน้ำห้วยหลวง ที่อยู่ห่างบ้านประมาณ 10 กิโลเมตร โดยมีคลิปภาพหลานสาว หลังถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บเป็นหลักฐาน และถูกข่มขู่ว่าห้ามเอาเรื่องไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะโดนทำร้ายอีก เหตุเกิดเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมาและเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ประวิทย์ อิ่มใจ รอง สว.สอบสวน สภ.ย่อยห้วยหลวง ในช่วงสายวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา เกรงว่ากลานสาวจะโดนทำร้ายได้รับอันตรายอีก หลังโดนทำร้ามาแล้ว 2 ครั้ง และในช่วงบ่ายวันนี้ (17 ก.ย.) พ.ต.ท.มานิตย์ แก้วเจริญ รอง ผกก. หน.สภ.ย่อยห้วยหลวง นัดสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ด.ญ.มิ้น กล่าวว่า คืนเกิดเหตุขณะที่ตนกำลังช่วยยายเลี้ยงน้องอยู่ที่บ้าน น.ส.ข้าวฟ่าง ที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ และเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน และกลุ่มเพื่อนของเขารวมทั้งหมด 5 คน ผู้หญิง 4 ชาย 1 ได้มาชวนตนออกจากบ้านไปเป็นเพื่อนซื้อของ และด้วยที่เคยเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก จึงติดรถจักรยานยนต์ไปด้วย กระทั่งมาถึงสันดอนอ่างเก็บน้ำห้วยหลวง น.ส.ข้าวฟ่าง ได้เดินเข้ามาจิกหัวตนและทำร้ายร่างกาย และสลับให้ น.ส.ปาย และน.ส.มิ้นท์ใหญ่ เข้ามาทำร้ายตน โดยมี น.ส.โบว์ เป็นคนถ่ายคลิป ส่วนเพื่อนผู้ชายได้แต่นั่งมอง และไม่เข้ามาห้ามเลย

“ตนถูกทำร้ายโดยไม่ทันตั้งตัว และรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่กล้าต่อสู้กับเขา เพราะพวกเขามีหลายคน ได้แต่อดทนด้วยความเจ็บปวดที่โดนทั้งตบ ทั้งเตะ และกระทืบ หลังจากพวกเขาทำจนสะใจแล้ว ได้พาตนซ้อนท้ายไปส่งที่บ้าน พร้อมกับขู่ว่าห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะโดนรุมทำร้ายอีก สาเหตุตนคิดว่า นส.ข้าวฟ่าง เขาคงคาใจในเรื่องที่แฟนหนุ่มของเขามาแชทคุยกับตน และเรื่องนี้ก็เกิดเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว แฟนหนุ่มของเขาก็ยังแชทมาคุยอีก และเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ตนก็ไปเคลียร์กันที่กระท่อมนาด้วยความบริสุทธิ์ใจ และบล็อกเฟสและไลน์แฟนหนุ่มของ น.ส.ข้าวฟ่าง และก็โดนเขาตบสั่งสอนทั้งที่ตนไม่ใช่คนผิด อยากฝากบอกเขาว่า ตนไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วมาทำกับตนแบบนี้ทำไม ทั้งที่เป็นคนบ้านเดียวกัน และเล่นกันมาตั้งแต่ยังเล็ก”

น.ส.ยุพา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุหลานสาว มาบอกว่า ได้หกล้มในห้องน้ำ เพราะไม่กล้าบอกความจริงกับตน เนื่องจากกลัวเขามารุมทำร้ายอีก และขอยาแก้ปวดกับตนกิน บอกตนให้มาดูที่เบ้าตาที่บวมช้ำเชียว จึงปฐมพยาบาลเอาน้ำแข็งมาประคบ แล้วพาไปหาหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แล้วให้ยามากินที่บ้าน ตื่นเช้ามาก็ไม่กล้าไปโรงเรียน กระทั่งวันเสาร์ เพื่อนของลูกสาวที่อยู่โรงเรียนเดียวกันให้ผู้ปกครองส่งคลิปไปให้ลูกสาวตน ซึ่งเป็นแม่ของด.ญ.มิ้น ดูที่ จ.ระยอง แล้วบอกให้ตนพาหลานไปแจ้งความ พร้อมกับส่งคลิปมาให้ตนดู เมื่อตนเห็นคลิปก็รู้สึกสงสารหลานสาว และโมโหไปพร้อมกัน

 

“ตั้งแต่เลี้ยงหลานมา 13 ปี ก็ไม่เคยตบตีหลานรุนแรงแบบนี้ หลังตนทราบเรื่อราวหลานสาวก็ขอโทษตน ที่ไปไหนมาไหนไม่ยอมบอกจนเกิดเรื่องขึ้นจนได้ ฝากถึงกลุ่มที่ก่อเหตุ และผู้ปกครอง ให้เข้ามาพูดคุยตกลงกัน อย่าหลบหนี ตนไม่ได้อยากได้เงินทองสินไหมอะไรเลย และพร้อมจะให้อภัย เพราะอย่างไรเราก็เป็นคนบ้านเดียวกัน ไม่ใช่หลอกน้องมารุมทำร้ายแบบนี้ มาขอโทษกัน และลงบันทึกเป็นหลักฐานต่อหน้าตำรวจว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก และให้เลิกแล้วต่อกัน หากยังทำอีกก็คงจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และฝากถึงผู้ปกครองให้ดูแลสั่งสอนบุตรหลานของตนให้ดี โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงไม่ควรให้ออกนอกบ้านเวลากลางคืน”

พ.ต.ท.มานิตย์ แก้วเจริญ รอง ผกก.หน.สภ.ย่อยห้วยหลวง เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันนี้ได้เชิญผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติม และทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วทั้งหมด 3-4 คน หลังจากนี้จะได้นัดมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกัน เนื่องจากทางผู้เสียหายกลัวจะไม่ปลอดภัย พร้อมลงบันทึกเป็นหลักฐานว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่ติดใจกันและทำร้ายร่างกายกันอีก จากการสอบถามสาเหตุ เกิดจากการหึงหวง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการก่อเหตุมาก่อนแล้ว 1 ครั้ง ทางผู้เสียหายก็เกิดหวาดกลัว เพราะมีการข่มขู่กันว่าไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกใครถ้าบอกก็จะกลับมานำร้ายอีก

 

“แต่เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ทางผู้ปกครองผู้เสียหายจึงไม่ติดใจอะไร เพียงแค่อยากให้ทางผู้ปกครองคู่กรณ๊มารับรู้เรื่องราว มาพูดคุยมาขอโทษกัน และคอยช่วยดูแลบุตรหลาน ไม่ให้ทำร้ายกันอีก เพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย หากยังเกิดขึ้นอีกทางผู้เสียหายก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด อยากฝากถึงผู้ปกครองให้ช่วยเข็มงวดดูแลบุตรหลานให้ดี ในเรื่องการทำร้ายร่างกายกัน แล้วนำไปโพสต์ลงในสื่อโซเชียล เพราะสิ่งเหล่านี้มันผิดกฎหมาย ให้ผู้ปกครองคอยดูแลกลุ่มวัยรุ่นให้ดีๆ ไม่ให้ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทกันแบบนี้อีกต่อไป”